05.02.21 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน
ทุกสิ่งของลูกที่นี่แฝงตัวและเหตุนี้เองลูกจึงต้องไม่มีการแสดงให้เห็นภายนอกใดๆ
รักษาความซาบซึ้งของอาณาจักรใหม่ของลูก
คำถาม:
ลูกๆทำความเพียรพยายามอะไรเพื่อก่อตั้งศาสนาที่สูงส่งและการกระทำที่สูงส่ง (ธรรมะและกรรม)
ของลูก?
คำตอบ:
เวลานี้ลูกกำลังเพียรพยายามที่จะละทิ้งกิเลสทั้งห้าเพราะกิเลสเหล่านี้ทำให้ทุกคนคดโกง
ลูกรู้ว่าในเวลานี้ทุกคนได้คดโกงและออกไปจากศาสนาและการกระทำที่สูงส่งของพวกเขา
พ่อให้ศรีมัทแก่ลูกและก่อตั้งศาสนาที่สูงส่งและการกระทำที่สูงส่งเยี่ยงเทพ
ลูกเอาชนะกิเลสด้วยการทำตามศรีมัทและมีการจดจำระลึกถึงพ่อ
ลูกให้ติลัคของอำนาจในการปกครองแก่ตนเองด้วยการศึกษานี้ ...
เพลง:
เมื่อได้พบท่าน เราได้พบทั้งโลก ผืนดินและท้องฟ้าทั้งหมดเป็นของเรา
โอมชานติ
ลูกๆทางจิตที่สุดแสนหวานได้ยินเพลงนี้ เพียงลูกทางจิตเท่านั้นที่พูดว่าบาบา
ลูกๆรู้ว่าท่านคือพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด ผู้ที่ให้ความสุขที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ลูก
นั่นคือท่านคือพ่อของทุกคน ลูกๆดวงวิญญาณที่ไม่มีขีดจำกัด ทุกคนเฝ้าแต่จดจำท่าน
พวกเขาจดจำท่านด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาสามารถได้รับอำนาจในการปกครองโลกจากพ่อสูงสุด
ดวงวิญญาณสูงสุด
ลูกรู้ว่าอำนาจในการปกครองโลกยุคทองที่พ่อให้แก่ลูกนั้นมั่นคงและไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน
อำนาจในการปกครองของเราคงอยู่มาเป็นเวลา 21 ชาติเกิด
มีอาณาจักรของเราทั่วทั้งโลกและไม่มีใครสามารถแย่งชิงอาณาจักรไปจากเราได้
ไม่มีใครสามารถปล้นอาณาจักรนั้นไปได้
อาณาจักรของเราไม่สั่นคลอนเพราะว่ามีเพียงศาสนาเดียวเท่านั้นที่นั่น
ไม่มีภาวะที่เป็นคู่ขนานกันที่นั้น นั่นคืออาณาจักรที่ไม่แบ่งแยก
เมื่อลูกๆได้ยินเพลงนี้ ลูกควรรู้สึกซาบซึ้งในอาณาจักรของลูก
ลูกควรมีเพลงเช่นนั้นในบ้านของลูก
ทุกสิ่งของลูกนั้นแฝงตัวในขณะที่บุคคลสำคัญมีการแสดงให้เห็นภายนอกมากมาย
ลูกไม่มีการแสดงให้เห็นภายนอกใดๆ
ลูกสามารถเห็นว่าผู้ที่บาบาเข้ามานั้นแสนจะธรรมดามากเช่นกัน
ลูกๆเข้าใจว่ามนุษย์ทั้งหมดที่นี่มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามศีลธรรมจรรยาและสกปรก
ด้วยเหตุนี้เองจึงกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่รู้คิด
สติปัญญาของพวกเขาถูกปิดล็อคอย่างสิ้นเชิง ลูกเคยรู้คิดมาก ลูกเป็นนายของโลก
เวลานี้มายาได้ทำให้ทุกคนไม่รู้คิดอย่างมากจนพวกเขาไม่มีประโยชน์ใดอีกต่อไป
ผู้คนทำการบำเพ็ญตบะและจัดพิธีไฟบูชายัญ ฯลฯ
เพื่อแสวงหาพระเจ้าแต่พวกเขาก็ไม่ได้รับอะไรเลย
พวกเขาก็ยังคงล้มลุกคลุกคลานต่อไปในหนทางนั้น นับวันพวกเขาก็โชคร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งมนุษย์กลับมาตาโมประธานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอับโชคมากเท่านั้น
ฤๅษีและมุนีได้รับการจดจำว่าเคยบริสุทธิ์ พวกเขาจะพูดว่า “เนติ เนติ”(ไม่ใช่สิ่งนี้หรือสิ่งนั้น)
เวลานี้พวกเขากลับมาตาโมประธาน พวกเขาพูดว่า “ฉันคือชีวาและเช่นเดียวกันกับลูก” (ชีโวฮัม
ทัทวัม!) หรือว่าท่านอยู่ทั่วไปในทุกหนแห่งและในทุกคน ผู้คนเหล่านั้นเพียงแต่พูดว่า
“ดวงวิญญาณสูงสุด” พวกเขาไม่เคยพูดว่า “พ่อสูงสุด”
การเรียกพ่อสูงสุดว่าอยู่ทั่วไปในทุกหนแห่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด
เหตุนี้เองพวกเขาจึงพูดว่า “อิศวร” หรือ “ดวงวิญญาณสูงสุด” คำว่า “พ่อ”
ไม่เคยเข้ามาในสติปัญญาของพวกเขา แม้ว่าบางคนจะพูดสิ่งนั้น
นั่นก็เป็นเพียงแค่พูดเพื่อประโยชน์ของสิ่งนั้น
หากพวกเขาเชื่อว่าท่านเป็นพ่อสูงสุดอย่างแท้จริง สติปัญญาของเขาจะเปล่งประกาย
พ่อให้มรดกแห่งสวรรค์แก่ลูก ท่านคือพระเจ้าแห่งสวรรค์ผู้เป็นพ่อ
แล้วเหตุใดเรายังอยู่ในนรก?
เวลานี้เราสามารถได้มาซึ่งการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตได้อย่างไร?
สิ่งนี้ไม่ได้เข้าไปในสติปัญญาของใคร ดวงวิญญาณได้กลับมาไม่บริสุทธิ์
ในตอนแรกดวงวิญญาณสะโตประธานและรู้คิด จากนั้นดวงวิญญาณก็ไปสู่สภาพสะโต ราโจ
และตาโม และจากนั้นก็กลายเป็นผู้ที่ไม่รู้คิด เวลานี้ลูกได้กลับมารู้คิดแล้ว
เวลานี้บาบาได้เตือนลูกแล้วว่าเมื่อมีโลกใหม่ของบารัต มันคืออาณาจักรของลูก
มีเพียงหนทางเดียว ภาษาเดียว ศาสนาเดียว
และอาณาจักรของจักรพรรดิและจักรพรรดินีเดียว
จากนั้นในยุคทองแดงหนทางแห่งบาปก็เริ่มต้นขึ้น
แล้วทุกสิ่งก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน ลูกละร่างและรับอีกร่างหนึ่งตามกรรมของลูก
พ่อพูดว่า
เวลานี้พ่อกำลังสอนการกระทำเช่นนั้นแก่ลูกที่ลูกจะได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองเป็นเวลา
21 ชาติเกิด แม้ว่าลูกจะมีพ่อที่มีขีดจำกัดที่นั่น
แต่ลูกก็ไม่มีความรู้ที่นั่นว่าลูกได้รับมรดกของอาณาจักรจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
และแล้วในยุคทองแดง อาณาจักรของราวันจึงเริ่มต้นขึ้นและความสัมพันธ์ก็กลับมาเลวร้าย
การเกิดที่ลูกได้รับเป็นไปตามกรรมของลูก
ในบารัตเคยมีราชาที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาและมีราชาที่กราบไหว้บูชาด้วยเช่นกัน
ในยุคทองและยุคเงินทุกคนมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
ไม่มีการกราบไหว้บูชาหรือความเลื่อมใสศรัทธาที่นั่น
เมื่อหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเริ่มต้นขึ้นในยุคทองแดง
ราชาราชินีและปวงประชาทั้งหมดกลายเป็นผู้กราบไหว้บูชาและผู้เลื่อมใสศรัทธา
ราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผู้ที่เป็นของสุริยวงศ์และมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาก็กลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา
รางวัลสำหรับการกลับมาปราศจากกิเลสของลูกเวลานี้คงอยู่เป็นเวลา 21 ชาติเกิด
จากนั้นหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาก็เริ่มต้นขึ้น
พวกเขาสร้างวัดให้แก่เทพและกราบไหว้บูชาเทพ สิ่งนี้เกิดขึ้นในบารัตเท่านั้น
เรื่องราวของ 84 ชาติเกิดที่พ่อบอกเช่นกันเป็นไปสำหรับชาวบารัตเท่านั้น
ผู้ที่เป็นของศาสนาอื่นมาภายหลัง จากนั้นเมื่อประชากรเพิ่มขึ้นก็มีพวกเขามากมาย
ลักษณะของศาสนาที่หลากหลายนั้นแตกต่างกันในทุกประการ
ขนบธรรมเนียมประเพณีและระบบของพวกเขาก็แตกต่างกันเช่นกัน
เครื่องประกอบทั้งหมดก็เช่นกันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเช่นกัน
เช่นที่เมล็ดนั้นมีขนาดเล็กและต้นไม้ที่ปรากฏออกมาจากเมล็ดนั้นมีขนาดใหญ่มาก
เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถนับใบไม้และอื่นๆของต้นไม้ได้
ในทำนองเดียวกันมีการขยายตัวอย่างมากในความเลื่อมใสศรัทธา
พวกเขายังคงผลิตคัมภีร์มากมายต่อไป
เวลานี้พ่อพูดกับลูกๆว่าเครื่องประกอบทั้งหมดของหนทางความเลื่อมใสศรัทธาต้องจบสิ้นลง
เวลานี้จดจำฉันผู้เป็นพ่อ! มีอิทธิพลอย่างมากของความเลื่อมใสศรัทธา
สิ่งนั้นสวยงามมากและมีการร่ายรำ การแสดงภายนอก การร้องเพลง
และค่าใช้จ่ายฯลฯอย่างมากมาย พ่อพูดว่าเวลานี้จงจดจำระลึกถึงพ่อและมรดกของลูก
จดจำศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปของลูก
ลูกได้ทำความเลื่อมใสศรัทธาประเภทต่างๆมากมายมาหลายชาติแล้ว
ซันยาสซีพิจารณาว่าบ้านของดวงวิญญาณซึ่งเป็นธาตุแห่งแสงนั้นเป็นพระเจ้า
พวกเขาจดจำธาตุแสง(ธาตุบราห์ม) ในความเป็นจริงเมื่อซันยาสซีสะโตประธาน
พวกเขาจะไปอาศัยอยู่ในป่าอย่างสงบ ไม่ใช้ว่าพวกเขาจะหลอมเข้าไปในธาตุแห่งแสง
พวกเขาเชื่อว่าด้วยการทิ้งร่างในการจดจำระลึกถึงธาตุแสง
พวกเขาจะหลอมรวมเข้ากับธาตุนั้น พ่อพูดว่าไม่มีใครสามารถหลอมรวมเข้ากับธาตุแสงได้
ดวงวิญญาณไม่สูญสลาย ดวงวิญญาณจะหลอมเข้าไปในสิ่งใดได้อย่างไร?
พวกเขาเพียรพยายามอย่างหนักมากในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
แต่บางคนก็พูดว่าพระเจ้าจะมาในรูปใดรูปหนึ่งอย่างแน่นอน เวลานี้ใครถูกต้อง?
พวกเขาพูดว่าพวกเขาจะมีโยคะกับธาตุแสงและหลอมรวมเข้ากับธาตุแสงนั้น
ผู้คนในหนหางของศาสนาแห่งการครองเรือนพูดว่า
พระเจ้าจะมาในรูปใดรูปหนึ่งเพื่อชำระผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าท่านจะสอนจากเบื้องบนผ่านแรงบันดาลใจ
ครูจะนั่งอยู่ที่บ้านและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนหรือ? ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "แรงบันดาลใจ"
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจ
แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่าการทำลายล้างเกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจของชังก้าร์ก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงมันถูกกำหนดไว้แล้วในละคร พวกเขาต้องผลิตขีปนาวุธเหล่านั้นฯลฯ
นั่นเพียงการยกย่องเพื่อประโยชน์ของมัน
ไม่มีใครในพวกเขารู้ถึงการยกย่องของบรรพบุรุษของเขา
พวกเขาแม้กระทั่งเรียกผู้ก่อตั้งศาสนาของเขาว่ากูรู
อย่างไรก็ตามพวกเขาเพียงแค่ก่อตั้งศาสนาของพวกเขา
กูรูคือผู้ให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์
ผู้ก่อตั้งศาสนามาเพื่อก่อตั้งศาสนาของเขา จากนั้นวงศ์ตระกูล (สาวก) ของเขาก็ตามมา
พวกเขาไม่ได้ให้หลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ใคร
แล้วเหตุใดจึงสมควรเรียกพวกเขาว่ากูรู?
มีเพียงกูรูผู้เดียวเท่านั้นที่เรียกว่าผู้ให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน
พระเจ้าผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่มาและประทานหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน
ท่านประทานการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต ไม่มีใครสามารถหยุดจดจำระลึกถึงท่านได้
ไม่ว่าภรรยาจะรักสามีของเธอมากเพียงใดเธอก็ยังร้องเรียกหา “โอ้ พระเจ้า โอ้ อิศวร (อิชวาร์)”
เพราะท่านเท่านั้นคือผู้ประทานหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายว่าทั้งหมดคือสิ่งสร้างและท่านคือ ผู้สร้างผู้เป็นพ่อ
พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่ให้ความสุขแก่ทุกคน พี่น้องไม่สามารถให้มรดกแก่พี่น้องได้
มรดกนั้นได้รับจากพ่อเสมอ
พ่อให้มรดกที่ไม่มีขีดจำกัดของลูกแก่ลูกๆที่ไม่มีขีดจำกัดทุกคน
ด้วยเหตุนี้เองทุกคนจึงจดจำพ่อ “โอ้ พ่อสูงสุด โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
มีเมตตาต่อฉันด้วย พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา
พวกเขาสรรเสริญท่านในรูปแบบต่างๆมากมาย ท่านเล่นบทบาทของท่านตามละครด้วยเช่นกัน
พ่อพูดว่าพ่อไม่ได้มาเมื่อพวกเขาเรียกหาพ่อ ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว
บทบาทการมาของพ่อถูกกำหนดไว้ในละคร
พ่อสร้างแรงบันดาลใจในการก่อตั้งศาสนาเดียวและทำลายศาสนานับไม่ถ้วน
นั่นคือการก่อตั้งยุคทองและการทำลายยุคเหล็ก พ่อมาด้วยตนเองในเวลาของพ่อเอง
บทบาทของหนทางความเลื่อมใสศรัทธาอยู่ในละครด้วยเช่นกัน
เป็นเพราะบทบาทในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเวลานี้ได้สิ้นสุดลงแล้วที่พ่อมาเวลานี้
ลูกๆพูดว่าเวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าลูกได้พบพ่ออีกครั้งหลังจาก 5,000 ปี
บาบาท่านเข้ามาในร่างของบราห์มาในวงจรที่แล้วเช่นกัน
ลูกได้รับความรู้นี้ในเวลานี้เท่านั้น ลูกไม่ได้รับความรู้นี้อีก
นี่คือความรู้และนั่นคือความเลื่อมใสศรัทธา สภาพของการขึ้นเป็นรางวัลของความรู้
มีคำกล่าวว่าลูกสามารถได้รับการหลุดพ้นในชีวิตในหนึ่งวินาที
จานากได้รับการหลุดพ้นในชีวิตในหนึ่งวินาที
เป็นเพียงจานากคนเดียวที่ได้รับการหลุดพ้นในชีวิตหรือไม่?
การหลุดพ้นในชีวิตหมายถึงชีวิตที่ได้รับการหลุดพ้นจากอาณาจักรของราวันนี้
พ่อรู้ว่าเวลานี้ลูกๆทั้งหมดได้กลับมาตกต่ำ
เวลานี้พวกเขาได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์
จากความตกต่ำพวกเขาได้รับสถานภาพที่สูงของการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต
ประการแรกลูกจะไปสู่การหลุดพ้นและจากนั้นจึงไปสู่การหลุดพ้นในชีวิต
จากดินแดนแห่งความสงบลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งความสุข พ่อได้อธิบายความลับของทั้งวงจร
ศาสนาอื่นๆมาหลังจากลูกและประชากรโลกมนุษย์ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง พ่อพูดว่า:
ในเวลานี้ต้นไม้โลกมนุษย์ได้กลับมาตาโมประธานและไปถึงสภาพของศวามเสื่อมโทรมอย่างสิ้นเชิง
รากฐานทั้งหมดของต้นไม้เทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปได้เสื่อมโทรมลง
ศาสนาอื่นๆทั้งหมดยังคงอยู่
ไม่มีแม้แต่คนเดียวในบารัตที่คิดว่าตนเองเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
พวกเขาเป็นของศาสนาเทพแต่เวลานี้พวกเขาไม่เชื่อว่าพวกเขาเป็นของศาสนาเทพเพราะเทพนั้นบริสุทธิ์
พวกเขาคิดว่าพวกเขาเองไม่บริสุทธิ์
เราที่ไม่บริสุทธิ์จะเรียกตนเองว่าเป็นเทพได้อย่างไร?
ระบบการเรียกตนเองว่าฮินดูเป็นระบบที่ถูกสร้างขึ้นตามแผนของละคร
แม้กระทั่งในการสำรวจสำมะโนประชากร พวกเขาก็เขียนลงไปว่าเราเป็นของศาสนาฮินดู
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชาวกุจราช พวกเขาก็จะเขียนเข้าไปว่าเป็นฮินดูกุจราช
อย่างน้อยถามพวกเขาว่าศาสนาฮินดูมาจากไหน! ไม่มีใครรู้
พวกเขาเพียงแต่พูดว่าศาสนาของเขาก่อตั้งโดยกฤษณะ ก่อตั้งเมื่อไหร่? ในยุคทองแดง
ในยุคทองแดงที่พวกเขาลืมศาสนาของเขาและเริ่มเรียกตนเองว่าฮินดู
ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่าการกระทำและศาสนาที่สูงส่งของเขาได้กลับมาตกต่ำ
ที่นั่นทุกคนมีการกระทำที่ดี ที่นี่ทุกคนมีการกระทำที่สกปรก
และด้วยเหตุนี้เองจึงมีการกล่าวกันว่าศาสนาเทพและการกระทำที่สูงส่งได้กลับมาตกต่ำ
เวลานี้การกระทำที่สูงส่งและศาสนาที่สูงส่งกำลังถูกก่อตั้งอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ลูกจึงได้รับการบอกให้ละทิ้งกิเลสทั้งห้าเหล่านี้ต่อไป
กิเลสเหล่านี้คงอยู่มาเป็นเวลาครึ่งวงจร
เวลานี้ลูกต้องละทิ้งกิเลสเหล่านี้สำหรับชาติเกิดเดียวนี้
ความเพียรพยายามเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งนั้น
ลูกไม่สามารถได้รับอำนาจในการปกครองทั้งโลกได้โดยไม่เพียรพยายามบางสิ่งบางอย่าง
ต่อเมื่อลูกจดจำระลึกถึงพ่อเท่านั้นที่ลูกจะให้ติลัคของอำนาจในการปกครองแก่ตนเอง
นั่นคือเมื่อนั้นลูกจะกลับมามีค่าควรกับอาณาจักร
ยิ่งลูกอยู่ในการจดจำระลึกถึงและทำตามศรีมัทมากเท่าไหร่
ลูกก็จะยิ่งกลายเป็นราชาเหนือราชามากเท่านั้น ครูมาแล้วเพื่อสอนลูก
นี่คือโรงเรียนที่จะเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นเทพ
ท่านบอกลูกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาไปเป็นนารายณ์
เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันดีมาก เรียกอีกอย่างว่าเรื่องของความเป็นอมตะ
เรื่องของนารายณ์ที่แท้จริงและเรื่องราวของตาที่สามด้วยเช่นกัน
พ่ออธิบายความหมายของทั้งสามแก่ลูก มีเรื่องราวมากมายในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
ดังนั้นดูซิว่าเพลงนี้ดีแค่ไหน!
บาบากำลังทำให้เรากลายเป็นนายของทั้งโลกในลักษณะเช่นนั้นที่ไม่มีใครสามารถช่วงชิงสถานภาพของการเป็นนายไปจากเราได้
อัจชะ
ถึงลูกๆที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ใด้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพ ดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. สำนึกไว้เสมอว่าลูกคือเครื่องมือในการก่อตั้งหนทางเดียว อาณาจักรเดียว
และศาสนาเดียว ดังนั้นลูกต้องเป็นหนึ่งเดียวและทำตามหนทางเดียว
2. เพื่อที่จะให้ติลัคของอำนาจในการปกครองแก่ตนเอง จงเพียรพยายามที่จะละทิ้งกิเลส
ใส่ใจต่อการศึกษาอย่างเต็มที่
พร:
ขอให้ลูกมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสและทำให้ตนเองปลอดภัยจากการจู่โจมของมายา
ด้วยสภาพตรีกาลดาร์ชิของลูก
พรพิเศษของยุคบรรจบพบกันและความพิเศษของชีวิตบราห์มินคือความสุขที่เหนือประสาทสัมผัส
สิ่งนี้ไม่สามารถสัมผัสได้ในยุคอื่น
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะสัมผัสความสุขนี้ลูกต้องทำให้ตนเองปลอดภัยจากการจู่โจมของมายาด้วยสภาพตรีกาลดาร์ชิของลูก
หากลูกถูกมายาจู่โจมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลูกจะไม่สามารถสัมผัสกับความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสได้แม้ว่าลูกจะต้องการก็ตาม
ผู้ที่สัมผัสกับความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสจะไม่สามารถดึงดูดด้วยความสุขทางประสาทสัมผัสได้
เนื่องจากการมีความรู้อย่างเต็มเปี่ยมพวกเขาจึงพบว่าสิ่งนั้นไร้รสชาติมาก
คติพจน์:
เมื่อมีความสมดุลระหว่างงานรับใช้ผ่านการกระทำและผ่านความคิดของลูก
ลูกจะสามารถทำให้บรรยากาศมีพลัง