12.11.23 Avyakt Bapdada Thai Murli
22.03.96 Om Shanti Madhuban
บุคลิกภาพของชีวิตบราห์มินคือการอยู่เหนือทุกคำถามและมีความพอใจอยู่เสมอ
วันนี้
บัพดาดาผู้ประทานการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมดกำลังมองดูลูกๆของท่านผู้เป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด
ลูกได้มาซึ่งการบรรลุผลมากมายจากบัพดาดา และหากลูกต้องทำรายการของสิ่งเหล่านั้น
มันก็จะเป็นรายการที่ยาวมาก และดังนั้นแทนที่จะพูดถึงรายการที่ยาว
ลูกเพียงแค่พูดว่า: ไม่มีสิ่งใดขาดหายไปในชีวิตบราห์มินนี้
ดังนั้นบัพดาดามองเห็นว่าลูกมีการได้มาซึ่งการบรรลุผลมากมาย
มันเป็นรายการที่ยาวใช่ไหม?
อะไรคือสิ่งชี้บอกของชีวิตในทางปฏิบัติของผู้ที่ได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด?
ลูกรู้สิ่งนี้แล้วใช่ไหม?
สิ่งชี้บอกของการได้มาซึ่งการบรรลุผลคือบุคลิกภาพของความพอใจจะมองเห็นได้อย่างสม่ำเสมอบนใบหน้าและในกิจกรรมของพวกเขา
มันเป็นบุคลิกภาพที่ดึงดูดใครบางคน
ดังนั้นสิ่งชี้บอกของการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมดคือบุคลิกภาพของความพอใจ
ซึ่งเรียกว่าความพอใจได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามประกายของความพอใจที่ควรจะปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขาอย่างสม่ำเสมอนั้นไม่สามารถมองเห็นได้
บางครั้งพวกเขาก็พอใจ (prasanchit) และบางครั้งพวกเขาก็มีคำถาม (prasnachit)
มีลูกอยู่สองประเภท ประเภทที่หนึ่งคือผู้ที่เป็นตัวของคำถามและถามว่า “ทำไม? อะไร?
อย่างไร? เมื่อไหร่? ทันทีที่สถานการณ์เกิดขึ้น พวกเขาคือผู้ที่เป็นตัวของคำถาม
และอีกประเภทหนึ่งคือผู้ที่เป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ
พวกเขาพอใจอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะไม่มีคำถามเกี่ยวกับสิ่งใดเลย
เพราะพวกเขาเต็มไปด้วยการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด ดังนั้นคำถาม “ทำไม? อะไร?”
ทำให้เกิดความผันผวน และผู้ที่เต็มเปี่ยมจะไม่มีวันผันผวน
บางสิ่งที่ว่างเปล่าย่อมไม่มั่นคง ดังนั้นให้ถามตนเองว่า:
ฉันอยู่อย่างพอใจอยู่เสมอหรือไม่? ไม่ใช่แค่บางครั้ง แต่อย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
ผู้ที่อยู่ในความรู้มาสิบปีเป็นสิ่งนี้อย่างสม่ำเสมอหรือไม่? ลูกไม่ได้พูดว่า “ใช่”
ลูกยังคงคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้อยู่หรือไม่?
หากขาดความพอใจนั่นก็หมายถึงขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผล
และการขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผลหมายความว่ายังคงมีความปรารถนาอย่างใดอย่างหนึ่งเหลืออยู่
รากฐานของความอิจฉาคือความปรารถนาและการขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผล
ความปรารถนาที่ละเอียดอ่อนดึงลูกไปสู่การขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผล
ด้วยภาษาที่สูงส่ง ลูกพูดว่า: นั่นไม่ใช่ความปรารถนาของฉัน
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นก็คงจะดี อย่างไรก็ตามที่ใดมีความปรารถนาชั่วคราว
ที่นั่นก็ไม่สามารถมีสิ่งที่ดีได้
ดังนั้นจงตรวจสอบดูว่ามีความปรารถนาในรูปแบบที่สูงส่งในชีวิตของลูกบนหนทางของความรู้หรือไม่
หรือว่ามีความปรารถนาที่หยาบหรือไม่
จะเห็นได้ว่าความปรารถนาที่หยาบเวลานี้ได้จบสิ้นลงแล้ว
แต่แม้กระทั่งหลังจากที่ได้รับความรู้นี้แล้ว
ความปรารถนาที่สูงส่งก็ยังคงอยู่ในรูปที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นตรวจสอบสิ่งเหล่านี้
เวลานี้บัพดาดาปรารถนาที่จะทำให้ลูกทั้งหมดเต็มเปี่ยมและสมบูรณ์พร้อมเช่นเดียวกับพ่อ
ไม่ว่าลูกจะมีความรักให้กับใครก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเป็นเหมือนกับคนๆนั้น
ลูกมีความรักอย่างมากมายต่อบัพดาดาหรือลูกเพียงแค่รักเฉยๆ (รักมากมาย) ลูกแน่ใจไหม?
ดังนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ที่จะสละละทิ้งบางสิ่งหรือเปลี่ยนบางสิ่งด้วยความรักหรือไม่?
(มันไม่) ดังนั้นลูกมีการสละละทิ้งอย่างสมบูรณ์แล้วหรือยัง?
ลูกได้ทำในสิ่งที่พ่อต้องการและในสิ่งที่พ่อขอให้ลูกทำแล้วหรือยัง? ตลอดเวลาหรือไม่?
มันจะไม่ทำสิ่งนี้เพียงบางครั้ง
ลูกปรารถนาที่จะประกาศสิทธิ์ในโชคของอาณาจักรตลอดไปหรือเพียงแค่บางครั้งเท่านั้น?
ลูกปรารถนาที่จะประกาศสิทธิ์ตลอดไปใช่ไหม? ดังนั้นจงมีความพอใจอยู่เสมอ
อย่าให้มีความรู้สึกอื่นใดปรากฏบนใบหน้าหรือในกิจกรรมของลูก
บางครั้งก็มีการกล่าวว่า:
วันนี้อารมณ์ของซิสเตอร์คนนี้หรืออารมณ์ของบราเธอร์คนนี้แตกต่างออกไป
บางครั้งลูกเองก็พูดว่า: วันนี้อารมณ์ของฉันแตกต่างออกไป ลูกจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร?
นั่นคือความพอใจอย่างสม่ำเสมอหรือไม่? ลูกหลายคนประสบกับความพอใจ (prashanta)
ที่ขึ้นอยู่กับการยกย่องของเขา (prashansa)
อย่างไรก็ตามความพอใจนั้นเป็นเพียงชั่วคราว วันนี้พวกเขาจะมีความพอใจนั้น
แต่มันจะจบสิ้นลงหลังจากที่เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง
ตรวจสอบดูเช่นกันว่าความพอใจของลูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำยกย่องใดๆ
นี่ก็เป็นเช่นเดียวกับที่พวกเขาก่อสร้างอาคารในปัจจุบัน
พวกเขาใช้ทรายมากกว่าปูนซีเมนต์เล็กน้อย: มันผสมกัน ที่นี่ก็เหมือนกัน:
รากฐานผสมปนเปกัน มันไม่ถูกต้องแม่นยำ
แล้วถ้ามีพายุแม้เพียงเล็กน้อยในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายใดๆหรือความผันแปรประเภทใดๆ
มันจะจบสิ้นความพอใจของลูก ลูกไม่มีรากฐานเช่นนั้นใช่ไหม?
บัพดาดาได้บอกลูกก่อนหน้านี้แล้ว
และเวลานี้ท่านกำลังเน้นย้ำถึงสิ่งนี้ว่าความปรารถนาในรูปที่สูงส่งคือ ชื่อเสียง
ความเคารพนับถือ และเกียรติยศ
ลูกอาจจะรับการค้ำจุนจากงานรับใช้และต้องการให้ชื่อของลูกได้รับการยกย่องในงานรับใช้ที่ลูกทำ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกี่ยวกับผู้ที่ทำงานรับใช้ในขณะที่วิ่งไล่ตามชื่อเสียงก็คือแม้ว่าพวกเขาจะเฝ้าแต่ทำงานรับใช้มากมายและดึงดูดผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
แต่ชื่อของพวกเขาก็ได้รับการประกาศเกียรติคุณเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ผู้ที่ทำงานรับใช้บนพื้นฐานของการได้รับชื่อเสียงทำให้ชื่อของเขาไปอยู่ด้านหลังของรายชื่อของผู้ที่จะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง
เพราะพวกเขารับประทานผลไม้ดิบซึ่งจะไม่มีวันสุกเลย
ดังนั้นลูกจะรับประทานผลไม้ที่สุกได้อย่างไรหากลูกรับประทานผลไม้ดิบเข้าไปแล้ว?
ลูกทำงานรับใช้และได้รับชื่อเสียง นั่นคือผลไม้ที่ยังไม่สุก หรือลูกมีความปรารถนา
ฉันได้ทำงานรับใช้มามากมาย และฉันเป็นเครื่องมือในการทำงานรับใช้มากที่สุด
ดังนั้นผู้ที่ทำงานรับใช้บนพื้นฐานของการได้มาซึ่งชื่อเสียงคือผู้ที่รับประทานผลไม้ดิบ
มันจะมีพละกำลังในผลไม้ดิบที่ยังไม่สุกหรือไม่? ลูกคิดว่า:
ฉันทำงานรับใช้มากมายและดังนั้นฉันควรได้รับความนับถืออันเนื่องมาจากผลนั้น
นั่นไม่ใช่ความนับถือ (มาน) แต่เป็นความหยิ่งยโส (อภิมาน)
ที่ใดที่มีความหยิ่งยโสที่นั่นไม่สามารถมีความพอใจได้
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการได้รับเกียรติในหัวใจของบัพดาดา
แม้ว่าลูกจะได้รับเกียรติในหัวใจของดวงวิญญาณอื่นๆ
ดวงวิญญาณเหล่านั้นคือผู้ที่รับหรือเป็นนายผู้ประทาน ไม่ใช่ผู้ประทาน
ดังนั้นหากลูกปรารถนาที่จะได้รับเกียรติแล้วจงได้รับเกียรติของลูกในหัวใจของบัพดาดาอยู่เสมอ
ความปรารถนาที่สูงส่งทั้งหมดเหล่านั้นไม่ปล่อยให้ลูกกลายเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผล
และบุคลิกภาพของความพอใจจึงไม่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าหรือในกิจกรรมของลูกอยู่เสมอ
หากในสถานการณ์ใดก็ตาม อารมณ์ของความพอใจของลูกเปลี่ยนไป
นั่นก็ไม่ใช่ความพอใจที่ถาวร
อารมณ์ของชีวิตบราห์มินคืออารมณ์ที่ร่าเริงสดชื่นแจ่มใสและระมัดระวังอยู่เสมอ
อย่าเปลี่ยนอารมณ์ของลูก อย่างไรก็ตามในคำพูดที่สูงส่ง ลูกพูดว่า:
วันนี้ฉันต้องการอยู่อย่างสันโดษ ทำไมลูกถึงต้องการสิ่งนี้?
ลูกต้องการที่จะก้าวออกไปจากการทำงานรับใช้หรือการอยู่กับครอบครัว
และลูกพูดว่าลูกต้องการความสงบและสันโดษ วันนี้อารมณ์ของฉันเป็นอย่างนี้
ดังนั้นอย่าได้เปลี่ยนอารมณ์ของลูก อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง
แต่ลูกคือผู้ที่เปลี่ยนเหตุผลเป็นการแก้ไขปัญหาหรือผู้ที่ติดกับอยู่กับเหตุผล?
ลูกคือผู้ที่หาทางแก้ไขปัญหา ลูกได้ทำสัญญาอะไร? ลูกเป็นผู้ทำสัญญาใช่หรือไม่?
แล้วลูกได้ทำสัญญาอะไร? ที่ลูกจะเปลี่ยนแม้กระทั่งอารมณ์ของวัตถุธาตุ
ลูกต้องเปลี่ยนแปลงวัตถุธาตุเช่นกัน
แล้วผู้ที่เปลี่ยนวัตถุธาตุจะไม่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเขาได้หรือ?
อารมณ์ของลูกเปลี่ยนไปหรือไม่? บางครั้งลูกเปลี่ยนอารมณ์ของลูกหรือไม่?
แล้วลูกพูดว่าลูกชอบที่จะไปนั่งริมฝั่งมหาสมุทร ไม่ใช่มหาสมุทรแห่งความรู้
แต่เป็นมหาสมุทรทางกายภาพ ลูกต่างชาติทำสิ่งนี้ใช่หรือไม่? หรือลูกจะพูดว่า
ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่วันนี้ฉันรู้สึกเหงามาก แล้วรูปรวมของพ่อไปไหน?
ลูกแยกตนเองจากพ่อหรือ? ลูกแยกตนเองจากการอยู่ในรูปรวมกัน
สิ่งนี้เรียกว่าความรักหรือไม่? อันที่จริงแล้ว การอยู่ใน "อารมณ์ไม่ดี"
เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนอารมณ์อยู่เรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี
ผู้ที่มีอารมณ์ไม่ดีแสดงเกมที่หลากหลาย
บัพดาดาเห็นว่าพวกเขาแสดงเกมมากมายให้กับซีเนียร์ของเขาและแม้กระทั่งกับเพื่อนของเขา
อย่าได้เล่นเกมเช่นนั้น เพราะบัพดาดามีความรักมากมายต่อลูกทุกคน
ไม่ใช่ว่าบัพดาดาต้องการเพียงแค่ดวงวิญญาณเครื่องมือพิเศษที่จะกลายเป็นเช่นเดียวกับพ่อเท่านั้น
และไม่ได้ใส่ใจว่าดวงวิญญาณอื่นจะกลายเป็นสิ่งนั้นหรือไม่ ไม่เลย
บัพดาดาต้องทำให้ทุกคนทัดเทียม: นี่คือความรักของบัพดาดา
ลูกรู้วิธีที่จะให้การตอบสนองของความรักหรือไม่?
หรือลูกจะให้ผลตอบแทนของสิ่งนี้กลับมาด้วยเกมที่ซุกซนร้ายกาจของลูก?
บางครั้งลูกแสดงเกมที่ซุกซนร้ายกาจ และบางครั้งลูกแสดงการตอบสนองโดยการทัดเทียม
เวลานั้นได้จบสิ้นลงแล้วในขณะนี้
เวลานี้ลูกกำลังเฉลิมฉลองไดอาม่อนจูบีลี่ใช่ไหม? หลังจากอายุ 60 ปี
โดยทั่วไปลูกจะเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ ลูกไม่ใช่เด็กเล็กๆอีกต่อไป
แต่อยู่ในสภาพที่ปลดเกษียณ นั่นคือลูกเป็นดวงวิญญาณที่มีประสบการณ์
ผู้ที่รู้ทุกสิ่ง เต็มไปด้วยความรู้ มีพลัง และประสบความสำเร็จ
ดังนั้นเช่นที่ลูกเต็มไปด้วยความรู้อยู่ตลอดเวลา
ลูกก็มีพลังและประสบความสำเร็จด้วยเช่นกันใช่ไหม?
เหตุใดบางครั้งลูกถึงไม่ประสบความสำเร็จ? อะไรคือสาเหตุของสิ่งนี้?
อันที่จริงแล้วความสำเร็จเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของลูกทั้งหมด ลูกพูดเช่นนี้ใช่ไหม?
ลูกเพียงแค่พูดถึงหรือลูกมีความเชื่อมั่นในสิ่งนี้ด้วยเช่นกันหรือไม่?
แล้วทำไมลูกถึงไม่ประสบกับความสำเร็จ?
อะไรคือเหตุผลสำหรับสิ่งนี้ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของลูก?
แล้วเหตุใดลูกถึงขาดการได้มาซึ่งสิทธิ์นี้หรือขาดประสบการณ์กับสิ่งนี้?
เหตุผลสำหรับสิ่งนี้คืออะไร?
บัพดาดาได้เห็นว่าลูกส่วนใหญ่ปล่อยให้ความคิดที่อ่อนแอเกิดขึ้นมาล่วงหน้า
ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
ความคิดที่อ่อนแอของลูกเหล่านี้ไม่ปล่อยให้ลูกกลายเป็นตัวของความพอใจ
แต่ทำให้ลูกเป็นตัวของคำถาม “จะเกิดขึ้นหรือไม่? มันจะไม่เกิดขึ้นใช่ไหม?
จะเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่รู้ถ้า...” ความคิดเหล่านี้กลายเป็นกำแพง
และความสำเร็จก็ซ่อนอยู่หลังกำแพงนี้ คติพจน์ของลูกคือ:
ผู้ที่มีศรัทธาในสติปัญญาย่อมมีชัยชนะ เมื่อสิ่งนี้คือคติพจน์ของเวลานี้
มันจึงเป็นไปสำหรับเวลาในปัจจุบันไม่ใช่ในอนาคต
ในเมื่อนี่คือคติพจน์สำหรับเวลาปัจจุบัน ลูกควรจะคงไว้ซึ่งสิ่งใดตลอดเวลา?
ความพอใจหรือเต็มไปด้วยคำถาม?
ดังนั้นมายาจึงกระจายใยของความคิดที่อ่อนแอของลูกเองและลูกกลับมาติดกับอยู่ในใยของลูกเอง
จบสิ้นใยของความคิดที่อ่อนแอด้วยสำนึกรู้นี้: “ฉันมีชัยชนะ”
อย่าได้ติดกับอยู่กับสิ่งนั้นแต่จงจบสิ้นสิ่งนั้น
ลูกมีพลังที่จะจบสิ้นสิ่งนั้นหรือไม่? อย่าจบสิ้นสิ่งนั้นอย่างช้าๆ
แต่ทำสิ่งนั้นทันทีในหนึ่งวินาที อย่าปล่อยให้ใยนี้เติบโต
เมื่อลูกติดกับอยู่ในใยนี้ มันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะปล่อยมันไป “ชัยชนะเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของฉัน”
“ความสำเร็จเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของฉัน”
สิทธิ์โดยกำเนิดนี้เป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของพระเจ้าซึ่งไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปจากฉันได้
ผู้ที่มีศรัทธาในสติปัญญาเช่นนั้นจะอยู่อย่างพอใจอยู่เสมออย่างง่ายดายและโดยอัตโนมัติ
พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานหนักสำหรับสิ่งนี้
เหตุผลประการที่สองสำหรับการขาดความสำเร็จคืออะไร? ลูกเองก็บอกผู้อื่นให้ใช้เวลา
ความคิด และทรัพย์สมบัติของเขาไปในทางที่มีค่า
การใช้บางสิ่งไปในทางที่มีค่าหมายถึงการได้มาซึ่งความสำเร็จ
พื้นฐานของความสำเร็จคือใช้ทุกสิ่งในทางที่มีค่า หากลูกไม่ประสบความสำเร็จ
นั่นเป็นเพราะลูกไม่ได้ใช้สมบัติที่มีค่าอย่างใดอย่างหนึ่งในทางที่มีค่า
เหตุนี้เองลูกจึงไม่ประสบความสำเร็จ
มีสมบัติที่มีค่ามากมายและลูกรู้ถึงรายการของสมบัติที่มีค่าทั้งหมดใช่ไหม?
ดังนั้นให้ตรวจสอบดูว่าสมบัติใดที่ลูกไม่ได้ใช้ในทางที่มีค่าและเพียงแต่สูญเปล่าไป
แล้วลูกจะประสบความสำเร็จโดยอัตโนมัติ นี่คือมรดกและพรด้วยเช่นกัน
ใช้ทุกสิ่งในทางที่มีค่าและบรรลุความสำเร็จ
ลูกรู้วิธีที่จะใช้ทุกสิ่งในทางที่มีค่าหรือไม่? แล้วลูกประสบความสำเร็จไหม?
การใช้บางสิ่งในทางที่มีค่าคือเมล็ดและความสำเร็จคือผลของมัน หากเมล็ดนั้นดี
มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับลูกที่จะไม่ได้รับผลใดๆจากเมล็ดนั้น
จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในเมล็ดของการใช้ทุกสิ่งในทางที่มีค่า
เพราะด้วยเหตุนั้นลูกจึงไม่ได้รับผลของความสำเร็จ ดังนั้นลูกต้องทำอะไร?
รักษาบุคลิกภาพของความพอใจของลูกไว้อย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่พอใจจะมีประสบการณ์ที่ดีมาก
อันที่จริงเมื่อลูกมองเห็นคนที่มีความพอใจ พวกเขาก็จะดูสวยงามมาก
มันรู้สึกดีมากที่จะเป็นมิตรกับพวกเขาและนั่งพูดคุยกับพวกเขา
ในขณะที่ถ้าหากมีใครบางคนที่ถามคำถามเข้ามามากมาย ลูกก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย
ดังนั้นจงรักษาเป้าหมายในสิ่งที่ลูกจะต้องกลายเป็น อย่าเป็นผู้ที่ถามคำถามมากมาย
แต่เป็นผู้ที่มีความพอใจ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของฤดูกาล แล้วในท้ายที่สุดสิ่งที่ทำในวันสุดท้ายคืออะไร?
เมื่อมีใครก่อไฟบูชายัญในท้ายที่สุดพวกเขาจะทำอะไร? พวกเขาจะสังเวยทุกสิ่ง
แล้วลูกจะทำอะไร? สังเวยการเป็นตัวของคำถาม “ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?...”?
ไม่ เมื่อลูกเต็มไปด้วยความรู้ จึงไม่ควรมีคำถามใดๆว่า “ทำไม” หรือ “อะไร”
ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จงสังเวยคำถามที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นทั้งหมด
จะเป็นการประหยัดเวลาของลูกและเวลาของผู้อื่นด้วย
เวลาของดาดี้ก็ถูกใช้ไปกับสิ่งนี้เช่นกัน: ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? นี่คืออะไร?
สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร? ดังนั้นประหยัดเวลาในสิ่งนี้
ประหยัดเวลาของตนเองและของผู้อื่นด้วย สะสมในบัญชีออมทรัพย์ของลูก แล้วรับประทาน
และดื่ม และอยู่อย่างสบายเป็นเวลา 21 ชาติเกิด ลูกจะไม่ต้องสะสมสิ่งใดที่นั่น
ดังนั้นลูกได้สังเวยสิ่งนี้แล้วหรือยัง หรือลูกจะยังคงคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้อยู่?
หากลูกต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ลูกสามารถทำได้ ถามตนเองว่า
สิ่งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร? ฉันสามารถทำสิ่งนี้ได้หรือไม่?
ลองคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้สักครู่ ทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ถามตนเองให้มากที่สุดเท่าที่ลูกต้องการในหนึ่งนาที ลูกเคยถามตนเองหรือไม่?
ลูกสังเวยสิ่งเหล่านั้นด้วย หรือลูกเพียงแค่ถามคำถาม?
ลูกตอบคำถามสำหรับอนาคตทั้งหมดเสร็จแล้วหรือยัง? (หลังจากความเงียบสงบหนึ่งนาที)
ลูกได้ทำสิ่งเหล่านั้นเสร็จสิ้นแล้วหรือ? (ฮาจี) อย่าเพียงแค่พูดว่า “ใช่ เสร็จแล้ว”
เพียงเพื่อประโยชน์ของสิ่งนั้น
ลูกมีประสบการณ์มาเป็นเวลานานแล้วว่าการถามคำถามหมายถึงการกลับมามีความทุกข์และทำให้ผู้อื่นมีความทุกข์
ดังนั้นจงรักษาเกียรติแห่งศรัทธาและสิทธิ์โดยกำเนิดของลูกและลูกจะไม่มีความทุกข์
เมื่อลูกไม่คำนึงถึงเกียรตินี้ลูกก็จะกลับมามีความทุกข์ ลูกเข้าใจไหม?
ลูกเข้าใจสิ่งนี้อย่างชัดเจนหรือไม่? หรือลูกพูดว่าตอนนี้ลูกเข้าใจ
แต่เมื่อลูกกลับไปต่างประเทศลูกจะพูดว่ามันเป็นเรื่องยากหรือไม่?
มันไม่ได้เป็นเช่นนี้ใช่ไหม? อัจชะ
บทเรียนของการกลับมาปราศจากร่างในหนึ่งวินาทีมั่นคงหรือไม่?
เข้าสู่การขยายตัวสักครู่หนึ่งแล้วหลอมรวมตัวเองเข้ากับสาระในช่วงเวลาถัดไป (บัพดาดาดำเนินการฝึกดริล)
อัชชะ. ฝึกฝนสิ่งนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ถึงดวงวิญญาณทั้งหมดในทุกทิศทางที่เปลี่ยนแปลงตนเองจากการเป็นตัวของคำถาม
ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งผู้มีบุคลิกภาพของความพอใจอยู่เสมอ
ถึงดวงวิญญาณที่ตระหนักถึงชัยชนะและสิทธิ์โดยกำเนิดของเขา
ถึงดวงวิญญาณพิเศษที่เป็นตัวของการจดจำระลึกถึง
ถึงดวงวิญญาณที่ใช้ทุกสิ่งในทางที่มีค่าและจึงบรรลุความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ถึงดวงวิญญาณที่ใกล้ชิดกับพ่อ ด้วยความรัก ระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา
ถึงลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ในทุกทิศทางที่อยู่ในญาณมากกว่าสิบปี
ขอแสดงความยินดีเป็นพิเศษ และความรัก และความระลึกถึงพวกเขา
บัพดาดาพบกับดาดี้:
บัพดาดามีความคิดอยู่เสมอสำหรับลูกดวงวิญญาณที่เป็นเครื่องมือที่เป็นมงกุฎของครอบครัว:
"ขอให้ลูกมีชีวิตคงอยู่ตลอดไป ขอให้ลูกโบยบินอยู่เสมอและทำให้ผู้อื่นโบยบิน"
ลูกกำลังทำให้ร่างกายของลูกทำงานด้วยพลังของทาปาเซีย
และบัพดาดาก็มีความใส่ใจมากกว่าที่ลูกมี
ดังนั้นตอนนี้ตามเวลาไม่มีการทัวร์ที่รวดเร็ว ไปอย่างสบายและกลับมาอย่างสบาย
ขณะนี้สถานการณ์ของโลกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
บัพดาดาไม่ได้ห้ามไม่ให้ลูกทำงานรับใช้ แต่บอกให้ลูกรักษาสมดุล
ชีวิตของทุกคนอยู่ในร่างกายของลูก (ของดาดี้) หากร่างกายของลูกแข็งแรงดี
งานรับใช้ที่ดีก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นจงทำงานรับใช้ให้มากแต่อย่ากดดันตัวเอง
ผลักดันตนเองเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อลูกกดดันตัวเองมากเกินไป?
แบตเตอรี่เหลือน้อย ดังนั้นจากนี้ไปมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรักษาสมดุล อย่าคิดว่า:
ให้ฉันทำในปีนี้เพราะฉันไม่รู้ว่าปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เลย
ลูกต้องมีชีวิตอยู่และทำให้ผู้อื่นโบยบิน เวลานี้เป็นบทบาทของลูกใช่ไหม? ดังนั้น
เข้าใจบทบาทของลูกแล้วผลักดันตัวเอง แต่ผลักดันตัวเองในขณะที่รักษาสมดุลไว้ โอเคไหม?
อย่าจัดโปรแกรมเร็วๆด่วนๆ ว่าจะอยู่ในสถานที่หนึ่งเป็นเวลาสองวัน และในวันที่สาม
ลูกจะต้องไปยังสถานที่อื่น ไม่ มันยังไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องนั้น
เมื่อถึงเวลาเช่นนั้น ลูกจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆสี่แห่งในหนึ่งวัน
แต่ยังไม่ถึงเวลา อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณที่พอใจที่นำคุณธรรมที่สูงส่งออกมา
โดยการสังเวยข้อบกพร่องทั้งหมดของลูกในไฟบูชายัญ
ในเทศกาลดีปาวาลีจะให้ความใส่ใจเป็นพิเศษกับเรื่องความสะอาดและการหารายได้
ในทำนองเดียวกันลูกต้องรักษาเป้าหมายที่จะมีความสะอาดในทุกวิถีทางและต้องหารายได้ด้วยเช่นกันและกลายเป็นดวงวิญญาณที่พอใจ
ด้วยความพอใจเท่านั้นที่ลูกสามารถนำเอาคุณธรรมที่สูงส่งทั้งหมดของลูกออกมาได้
จากนั้นการสังเวยข้อบกพร่องจะทำโดยอัตโนมัติ จบสิ้นความอ่อนแอ ข้อบกพร่อง
ความรู้สึกของการไร้พลัง และธรรมชาติที่เปราะบางที่ยังคงอยู่ในตัวลูก
และตอนนี้เปิดบัญชีใหม่
สวมเสื้อผ้าใหม่ของซันสการ์ใหม่และเฉลิมฉลองดีปาวาลีที่แท้จริง
คติพจน์:
จงเชื่อฟังพ่อ
และในเวลาที่ถูกต้อง พรจะยังคงช่วยเหลือลูกต่อไปในทางที่แฝงตัว