13.02.21 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกที่แสนหวาน ลูกมาหาพ่อเพื่อปลุกโชคที่หลับอยู่ของลูก
การปลุกโชคของลูกหมายถึงการกลับมาเป็นนายของโลก
คำถาม:
อาหารบำรุงใดที่ทำให้ลูกฉลาดเหมือนพ่อ
คำตอบ:
การศึกษาเล่าเรียนนี้คืออาหารบำรุงของสติปัญญาของลูก
สติปัญญาของผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนในการศึกษานี้ทุกวัน นั่นคือ
ผู้ที่รับประทานอาหารบำรุงนี้ทุกวัน, จะกลับมามีสูงส่ง พ่อ
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง ผู้ที่มีสติปัญญาที่ฉลาด ทำให้สติปัญญาของลูกๆ
ฉลาดและสูงส่งเหมือนท่าน
เพลง:
ฉันได้มาปลุกโชคของฉัน
โอมชานติ
เมื่อได้ยินเพลงบรรทัดนี้ ลูกที่สุดแสนหวานควรขนลุกด้วยความสุข นี่คือเพลงทั่วๆไป
แต่ไม่มีใครเข้าใจถึงสาระสำคัญของเพลง
พ่อเท่านั้นมาและบอกลูกถึงความหมายของเพลงและคัมภีร์ ฯลฯ ลูกที่สุดแสนหวานเข้าใจว่า
ในยุคเหล็ก โชคของทุกคนหลับอยู่ ในยุคทองโชคของทุกคนถูกปลุกให้ตื่น
เพียงพ่อเท่านั้นที่ปลุกโชคของลูกที่หลับอยู่ ให้ศรีมัทแก่ลูกเพื่อสร้างโชคของลูก
ท่านเท่านั้นนั่งที่นี่และปลุกโชคของลูก ทันทีที่ลูกถือกำเนิด
โชคของพวกเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว หลังจากที่เด็กเกิดมา
เขาก็มีสำนึกรู้ว่าเขาคือทายาท
เป็นสิ่งเดียวกันกับที่นี่แต่สิ่งนี้เป็นประเด็นที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกๆรู้ว่าโชคของลูกถูกปลุกขึ้นมาในทุกวงจรและสิ่งนั้นก็กลับมาหลับใหล
เมื่อลูกกลับมาบริสุทธิ์ โชคของลูกก็ถูกปลุกขึ้นมา มีคำกล่าวว่า:
มีอาศรมของการครองเรือนที่บริสุทธิ์ คำว่า “อาศรม” คือคำที่บริสุทธิ์
มีอาศรมของการครองเรือนที่บริสุทธิ์
และในความแตกต่างของสิ่งนั้นก็มีศาสนาของการครองเรือนที่ไม่บริสุทธิ์
ลูกจะไม่พูดว่า “อาศรม” กับบางสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์
ศาสนาของการครองเรือนเป็นของทุกคน สิ่งนี้คงอยู่ท่ามกลางบรรดาสัตว์ด้วยเช่นกัน
สัตว์ทั้งหลายให้กำเนิดลูก แม้กระทั่งสัตว์ก็กล่าวว่าเป็นของศาสนาของการครองเรือน
เวลานี้ลูกๆรู้ว่าลูกเป็นของอาศรมของการครองเรือนที่บริสุทธิ์ในยุคทอง
ลูกเคยเป็นเทพ การยกย่องของพวกเขาได้ร้องเป็นเพลงไว้: เต็มไปด้วยคุณธรรม, 16
องศาสมบูรณ์เต็ม ลูกก็เคยร้องเพลงนี้ด้วยตัวลูกเอง
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกกำลังเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นเทพอีกครั้งหนึ่ง
เคยมีเพลงร้องว่าไม่ได้ใช้เวลานานเลยสำหรับพระเจ้าที่จะเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นเทพ
บราห์มา วิษณุและชางก้าถูกเรียกว่าเทพ พวกเขาพูดว่า: “ขอคาราวะต่อเทพบราห์มา”
และแล้วเขาก็พูดว่า “ขอคาราวะต่อดวงวิญญาณสูงสุดชีวา”
เวลานี้ลูกเข้าใจความหมายของสิ่งนี้ พวกเขาเพียงพูดถึงสิ่งนี้ด้วยศรัทธาที่งมงาย
พวกเขาแม้กระทั่งพูดว่า “ขอคาราวะต่อเทพชางก้า” สำหรับชีวา พวกเขาพูดว่า “ขอคาราวะต่อดวงวิญญาณสูงสุดชีวา”
และดังนั้นจึงมีความแตกต่าง ผู้นั้นคือเทพและผู้นี้คือดวงวิญญาณสูงสุด
ลูกไม่สามารถพูดว่าชีวาและชางก้าเป็นผู้เดียวกันและเหมือนกัน
ลูกรู้ว่าลูกเคยมีสติปัญญาที่เป็นหินและเวลานี้ลูกกำลังกลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่สูงส่ง
เทพไม่สามารถถูกเรียกว่าผู้ที่มีสติปัญญาที่เป็นหิน
ตามละครแล้วลูกต้องลงบันไดมาในอาณาจักรของราวัน เวลานี้,
จากผู้ที่มีสติปัญญาเป็นหินลูกต้องกลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่สูงส่ง
พ่อผู้เดียวที่ฉลาดที่สุด เวลานี้สติปัญญาของลูกไม่มีพลังเลย
พ่อนั่งที่นี่และทำให้สติปัญญาของผู้นั้นสูงส่ง
ลูกมาที่นี่เพื่อทำให้สติปัญญาของลูกสูงส่ง
มีวัดที่สร้างให้แก่เทพเจ้าแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามีชุมนุม (มีร่า)
ที่นั่นด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครคือเทพเจ้าแห่งความศักดิ์สิทธิ์
อันที่จริงแล้ว เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนสูงส่ง
ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาที่ฉลาด ความรู้นี้คืออาหารบำรุงสำหรับสติปัญญาของลูกๆ
สติปัญญาเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โลกนี้เรียกว่าป่าแห่งขวากหนาม
พวกเขาได้ให้ความทุกข์แก่กันและกันมากแค่ไหน! นี่คือโลกที่ตาโมประธานของนรกที่สุด
เรื่องราวที่น่ากลัวมากมายถูกเขียนเอาไว้ในการูดาปูรานา สติปัญญาของลูกๆ
เวลานี้ได้รับอาหารบำรุง พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดกำลังให้อาหารบำรุงแก่ลูก
นี่คือการศึกษาเล่าเรียน สิ่งนี้สามารถเรียกว่าน้ำทิพย์ของความรู้ด้วยเช่นกัน
ไม่มีน้ำ ฯลฯ ทุกวันนี้พวกเขาเรียกทุกสิ่งว่าน้ำทิพย์
พวกเขาแม้กระทั่งพูดว่าน้ำของแม่น้ำคงคาคือน้ำทิพย์
พวกเขาล้างเท้าของรูปปั้นเทพด้วยน้ำนั้นและเก็บน้ำนั้นไว้และพูดว่านี่คือน้ำทิพย์
สิ่งนี้เช่นกันคือบางสิ่งที่เข้าใจได้ด้วยสติปัญญาของลูก
น้ำหนึ่งกำมือนั้นคือน้ำทิพย์หรือน้ำของแม่น้ำคงคาที่ชำระให้บริสุทธิ์คือน้ำทิพย์?
ผู้ที่ให้น้ำหนึ่งกำมือนั้นไม่ได้พูดว่าน้ำนั้นจะทำให้ผู้ไม่บริสุทธิ์กลับมาบริสุทธิ์
พวกเขาพูดถึงน้ำของแม่น้ำคงคาว่าคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ พวกเขาพูดว่าเมื่อผู้คนตาย
เขาควรจะมีน้ำของแม่น้ำคงคาบนปากของเขา
พวกเขาแสดงให้เห็นว่าอรชุนยิงธนูและแล้วให้น้ำทิพย์ (น้ำทิพย์ออกมาจากตรงที่ลูกศรปักลง)
ลูกๆไม่ได้ยิงธนูใดๆ มีหมู่บ้านที่พวกเขาสู้กันด้วยคันธนูและลูกศร
ราชาของของสถานที่นั้นถูกกล่าวได้ว่าเป็นอวตารของพระเจ้า
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถเป็นอวตารของพระเจ้าได้
แท้จริงแล้วมีเพียงสัตกูรูที่แท้จริงเดียวเท่านั้นคือผู้ประทานชีวิตใหม่สำหรับทุกคน
และเวลานี้ท่านจะพาดวงวิญญาณทั้งหมดกลับไปกับท่าน ไม่มีใคร
นอกจากพ่อสามารถพาลูกกลับบ้านได้ ไม่มีเรื่องของการหลอมรวมไปในธาตุแสง
ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว วงจรโลกเฝ้าแต่หมุนไปเป็นนิรันดร์
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์โลกซ้ำรอยได้อย่างไร
ไม่มีใครอื่นเข้าใจในสิ่งนี้ มนุษย์นั่นก็คือดวงวิญญาณ, ไม่รู้จักผู้สร้าง
ผู้เป็นพ่อ ผู้ที่พวกเขาจดจำและผู้ที่พวกเขาพูดว่า “โอ้ พระเจ้า ผู้เป็นพ่อ!”
พวกเขาจะไม่พูดว่า “พระเจ้า ผู้เป็นพ่อ” กับพ่อทางร่าง พวกเขาใช้คำ “พระเจ้า
ผู้เป็นพ่อ” ด้วยความเคารพอย่างมาก คือท่านที่พวกเขาร้องเพลง: “โอ้
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ผู้ขจัดความทุกข์และผู้ประทานความสุข!”
ในด้านหนึ่งเขาพูดว่าท่านคือผู้ขจัดความทุกข์และผู้ประทานความสุข และอีกด้านหนึ่ง
เมื่อพวกเขาสัมผัสกับความทุกข์หรือเมื่อลูกของเขาตาย
เขาพูดว่าพระเจ้าให้ความสุขและให้ความทุกข์ และพระเจ้านั้นเอาลูกของพวกเขาไป!
ท่านได้ทำอะไรลงไป? พวกเขาร้องเพลงยกย่องสรรเสริญพระเจ้า,
แต่แล้วเมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้น พวกเขาก็เริ่มประณามท่าน
พวกเขาพูดว่าพระเจ้าให้ลูกนั้นแก่พวกเขา ดังนั้นถ้าหากท่านเอาเด็กนั้นกลับคืนไป
ทำไมพวกเขาจึงร้องไห้เล่า? เขาเพียงจากไปเพื่อหาพระเจ้า ไม่มีใครร้องไห้ในยุคทอง
พ่ออธิบาย: ไม่มีความจำเป็นต้องร้องไห้
ดวงวิญญาณต้องไปและเล่นอีกบทบาทหนึ่งตามบัญชีกรรมของเขา เพราะว่าผู้คนไม่มีความรู้
พวกเขาจึงร้องไห้เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งแทบบ้าคลั่ง ที่นี่พ่ออธิบาย:
แม้กระทั่งถ้าแม่ของลูกตาย ลูกต้องกินฮัลวา ลูกต้องเป็นผู้ทำลายความผูกพันยึดมั่น
ของฉันคือพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดและไม่มีใครอื่น! ลูกๆ ควรมีสภาพเช่นนั้น
ลูกได้ยินเรื่องราวของราชาผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่นแล้ว ใช่ไหม?
ทั้งหมดนั้นคือเรื่องโกหก ไม่มีเรื่องราวของความทุกข์ในยุคทอง
ไม่มีเรื่องของการตายก่อนเวลาอันควรที่นั่น ลูกๆเข้าใจแล้ว่าลูกกำลังเอาชนะความตาย
พ่อเรียกว่าความตายที่ยิ่งใหญ่ ความตายเหนือความตายกำลังทำให้ลูกเอาชนะความตาย
สิ่งนี้หมายความว่าลูกจะไม่สัมผัสกับความตายก่อนเวลาอันควร
ดวงวิญญาณไม่สามารถมีประสบการณ์กับความตาย
ดวงวิญญาณทิ้งร่างของเขาและรับอีกร่างหนึ่ง
สิ่งนั้นถูกเรียกว่าประสบการณ์ของความตาย ความตายไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลย
ผู้คนเฝ้าแต่ร้องเพลงสรรเสริญ แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญ
แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของเพลงเหล่านั้น
ทุกสิ่งเวลานี้อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ พ่ออธิบายว่า:
กิเลสทั้งห้าทำให้สติปัญญาของลูกไม่ดี! ผู้คนมากมายไปที่บาดรีนาท ฯลฯ
ทุกวันนี้มีผู้คนไปถึง 2 ถึง 4 แสนคน
แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ที่มีตำแหน่งสำคัญก็ไปจาริกแสวงบุญที่นั่น
ลูกไม่ไปที่นั่นและดังนั้นพวกเขาจึงพูดว่าบราห์มากุมารีกลายเป็นผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้า
เพราะว่าพวกเราไม่ทำความเลื่อมใสศรัทธา
ดังนั้นลูกบอกพวกเขาว่าผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้าคือผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้า
ไม่มีใครรู้จักพ่อและเหตุนี้เองจึงเรียกว่าโลกของลูกกำพร้า
พวกเขาเฝ้าแต่ต่อสู้รบราและทะเลาะเบาะแว้งกันเองเป็นอย่างมาก
ทั้งโลกนี้คือบ้านของบาบา ใช่ไหม? พ่อมาเพื่อชำระลูกๆ ของทั้งโลกให้บริสุทธิ์
เป็นเวลาครึ่งวงจร มีโลกที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง พวกเขาแม้กระทั่งร้องเพลง:
ราชารามเป็นเช่นไร ปวงประชาของรามก็เป็นเช่นนั้น รามมั่งคั่งเช่นไร
ปวงประชาก็มั่งคั่งเช่นนั้น
ที่นั่นจะมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องตามศีลธรรมจรรยาได้อย่างไร?
พวกเขาแม้กระทั่งพูดว่าสิงโตและลูกแกะดื่มน้ำด้วยกันที่นั่น ดังนั้นราวัน ฯลฯ
ควรจะมาจากไหน? พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
เมื่อผู้คนจากต่างแดนได้ยินสิ่งเหล่านั้นพวกเขาก็ขบขัน ลูกๆรู้ว่าพ่อ
มหาสมุทรแห่งความรู้ได้มาและเวลานี้ท่านกำลังให้ความรู้แก่ลูก โลกนี้ไม่บริสุทธิ์
ท่านจะชำระผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์ด้วยแรงบันดาลใจหรือ? ผู้คนเรียกหา: โอ
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ มาเถิด! มาและทำให้พวกเราบริสุทธิ์เถิด!
ดังนั้นท่านต้องมาในบารัตอย่างแน่นอน แม้กระทั่งทุกวันนี้ ท่านบอกพวกเรา: พ่อ
มหาสมุทรแห่งความรู้ได้มา ลูกๆ รู้ว่าชีพบาบาเท่านั้นที่มีความรู้ทั้งหมด
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแก่ลูก
ในคัมภีร์เป็นเรื่องราวที่โกหกทั้งหมด พวกเขากล่าวถึงชื่อของพระเจ้าวยาส
พวกเขาพูดว่าเขาเขียนคัมภีร์ ที่วยาสเป็นของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
ผู้นี้คือเทพวยาสและลูก ลูกของเขาคือสุขเทพ (ผู้ประทานความสุข)
เวลานี้ลูกกำลังกลายเป็นเทพ (ผู้ประทาน) ความสุข
ลูกกำลังได้รับมรดกของความสุขของลูกจากวยาส ชีวา ผู้เป็นครู (ชีวาจรรยา)
ลูกคือลูกของวยาส ดังนั้นผู้คนจะไม่สับสน ลูกถูกเรียกว่าลูกของชีวา
ชื่อจริงของท่านคือชีวา เวลานี้พ่อพูดว่า:
เมื่อชีพบาบานั่งอยู่เบื้องหน้าลูกเป็นการส่วนตัว จงหยุดมองที่ร่างกาย
ดวงวิญญาณสามารถตระหนักรู้และดวงวิญญาณสูงสุดสามารถตระหนักรู้ด้วยเช่นกัน
ท่านคือพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ชีวา
ท่านมาและชี้หนทางของการกลับมาบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์ให้แก่ลูก ท่านพูดว่า:
ฉันคือพ่อของลูกดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณสามารถตระหนักรู้ ดวงวิญญาณไม่สามารถมองเห็นได้
พ่อถามว่า: ลูกแต่ละคนตระหนักรู้ไหมว่าลูกคือดวงวิญญาณ?
บทบาทที่ไม่สูญสลายถูกบันทึกไว้ในดวงวิญญาณที่แสนเล็กเช่นนั้นเหมือนกับแผ่นเสียง
ลูกรู้ว่าลูกดวงวิญญาณนำร่างกายมาใช้
แรกเริ่มลูกเคยมีสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณและแล้วลูกก็กลับมามีสำนึกที่เป็นร่าง
ลูกรู้ว่าดวงวิญญาณใช้ 84 ชาติเกิด ไม่มีการสิ้นสุดของสิ่งนี้
บางคนถามว่าละครนี้เริ่มขึ้นเมื่อไร อย่างไรก็ตาม ละครนี้คงอยู่ตลอดไป
ไม่มีวันถูกทำลาย สิ่งนี้เรียกว่าละครโลกที่ไม่สูญสลายที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆ เหมือนกับลูกที่ไม่มีการศึกษาได้รับการสอน
ดวงวิญญาณอาศัยอยู่ในร่างกาย นี่คืออาหารสำหรับสติปัญญาที่เป็นหิน
สติปัญญาได้รับความเข้าใจ บาบาได้ทำรูปภาพขึ้นมาเพื่อลูกๆ นี่เป็นสิ่งที่ง่ายมาก
นี่คือตรีมูรติ: บราห์มา วิษณุและชางก้า เหตุใดบราห์มาจึงถูกเรียกว่าตรีมูรติ?
พวกเขาพูดว่า: “เทพ เทพ เทพที่ยิ่งใหญ่” พวกเขาวางเทพไว้ข้างบนเหนือสิ่งอื่น
แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนั้น บราห์มาสามารถเป็นเทพได้อย่างไร?
ประชาบิดาบราห์มาต้องอยู่ที่นี่ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้กล่าวถึงในคัมภีร์ พ่อพูดว่า:
พ่อเข้ามาในร่างนี้และอธิบายแก่ลูกผ่านผู้นี้ พ่อทำให้ผู้นี้เป็นของพ่อ
พ่อมาในชาติสุดท้ายในหลายๆชาติของเขา ผู้นี้เช่นกันละทิ้งกิเลสทั้งห้า
ผู้ที่สละละทิ้งเรียกว่าโยคีและฤษี เวลานี้ลูกกลายเป็นราชาฤษี
ลูกได้ละทิ้งกิเลสทั้งห้าและเหตุนี้เองชื่อของลูกจึงเปลี่ยนไป ลูกกลายเป็นราชาโยคี
ลูกทำสัญญา ซันยาสซีละทิ้งบ้านและครอบครัวของพวกเขาและจากไป
ที่นี่สามีและภรรยาอยู่ด้วยกันและสัญญากันว่าพวกเขาจะไม่ข้องแวะในกิเลส
สิ่งหลักคือกิเลส ลูกๆรู้ว่าชีพบาบาคือผู้สร้าง ท่านสร้างโลกใหม่ ท่านคือเมล็ด
สัจจะ ผู้มีชีวิต มหาสมุทรแห่งความปีติและมหาสมุทรแห่งความรู้
เพียงพ่อเท่านั้นที่รู้ว่าการก่อตั้ง การทำลาย และการบำรุงรักษาเกิดขึ้นได้อย่างไร
มนุษย์ไม่รู้สิ่งนี้ พวกเขาพูดอย่างรวดเร็วว่า: บราห์มากุมารีจะนำมาซึ่งการทำลายโลก
อัจชะ ขอให้มีดอกกุหลาบในปากของท่าน! (ขอให้สิ่งที่ท่านพูดกลายเป็นจริง)
พวกเขาพูดว่าลูกคือเครื่องมือที่จะนำการทำลายมา, ลูกนั้นไม่มีความเชื่อในคัมภีร์
ในความเลื่อมใสศรัทธาหรือในกูรูและที่ลูกเพียงแต่ฟังดาด้าของลูก อย่างไรก็ตาม
พ่อเองพูดว่า: นี่คือร่างที่ไม่บริสุทธิ์และพ่อเข้ามาในเขา
ไม่สามารถมีใครบริสุทธิ์ในโลกที่ไม่บริสุทธิ์ได้
ผู้คนเพียงแต่พูดซ้ำในสิ่งที่พวกเขาได้ยินมาจากผู้อื่น
เป็นเหมือนกับข่าวลือที่บารัตได้กลับมาตกต่ำ
และแล้วพ่อก็มาบอกลูกถึงสัจจะและให้ชีวิตใหม่แก่ทุกคน อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ใด้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อบัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ประกาศสิทธิ์ในมรดกของความสุขจากพ่อและกลายเป็นเทพ (ผู้ประทาน) แห่งความสุข
ให้ความสุขกับทุกคน เพื่อที่จะกลายเป็นราชาฤษี จงละทิ้งกิเลสทั้งหมด
2. การศึกษานี้คืออาหารบำรุงที่แท้จริง เพื่อที่จะได้รับชีวิตใหม่
จงหยุดฟังข่าวลือและทำตามศรีมัท! รับฟังเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้น!
จงกลับมาเอาชนะความผูกพันยึดมั่น!
พร:
ขอให้ลูกมีค่าควรแก่การเคารพและมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาและให้ความเคารพต่อทุกคนด้วยสภาพของความถ่อมตนโดยการอยู่อย่างมั่นคงในความเคารพตนเองของลูกอย่างต่อเนื่อง
คำยกย่องของพ่อคือความเคารพตนเองของลูก
อยู่อย่างมั่นคงในความเคารพตนเองนี้และลูกจะกลับมาถ่อมตนและได้รับความเคารพจากทุกคนโดยอัตโนมัติ
ลูกไม่ได้รับความเคารพโดยการร้องขอสิ่งนั้น นั่นเพราะว่าเป็นการให้ความเคารพ
โดยการอยู่อย่างมั่นคงในความเคารพตนเองของลูกและละทิ้งความเคารพที่ลูกได้รับโชคของการเป็นผู้มีค่าควรแก่การเคารพและมีค่าควรค่าแก่การกราบไหว้บูชา
เพราะการให้ความเคารพไม่ใช่การให้สิ่งนั้น แต่ได้รับสิ่งนั้น
คติพจน์:
เช่นเดียวกับการเป็นผู้ที่รู้ทุกสิ่ง จงเป็นผู้ที่ทำทุกสิ่งและผู้ที่แบ่งปันปราซาด
(อาหารศักดิ์สิทธิ์) ของประสบการณ์ให้กับวิญญาณที่อ่อนแอ (ไร้พลัง) อย่างต่อเนื่อง