14.02.21 Avyakt Bapdada Thai Murli
02.11.87 Om Shanti Madhuban
พื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงตนเองคือการตระหนักรู้ด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์
วันนี้ ผู้เปลี่ยนแปลงโลก ผู้ให้คุณประโยชน์โลก บัพดาดากำลังมองดูลูกๆ ที่รัก
ที่ให้ความร่วมมือและผู้เปลี่ยนแปลงโลกของท่าน ด้วยการเปลี่ยนแปลงตนเอง
ลูกแต่ละคนข้องแวะอยู่ในงานรับใช้ของการเปลี่ยนแปลงโลก
ลูกทุกคนมีความจริงจังและกระตือรือร้นเดียวกันในจิตใจของลูกที่ลูกจะต้องเปลี่ยนแปลงโลกนี้อย่างแน่นอน
และลูกมีศรัทธาด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น
นั่นคือสามารถกล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว
ลูกเพียงแค่กลายเป็นลูกโยคีที่ง่ายดายที่ให้ความร่วมมือของบัพดาดาในนามและกำลังทำให้ปัจจุบันและอนาคตของลูกสูงส่ง
วันนี้ บัพดาดากำลังมองดูลูกๆ
ที่เป็นเครื่องมือผู้เปลี่ยนแปลงโลกและกำลังมองดูสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ:
ทุกคนเป็นเครื่องมือสำหรับงานหนึ่ง;
เป้าหมายของทุกคนคือการเปลี่ยนแปลงตนเองและการเปลี่ยนแปลงโลก
และในขณะที่อยู่อย่างเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงตนเองและการเปลี่ยนแปลงโลก
เหตุใดจึงมีตามลำดับกันไป? ลูกบางคนมีการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างง่ายดายและรวดเร็วมาก
ในขณะที่บางคนมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเองในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ซันสการ์ของพวกเขาเอง,
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผ่านมายาหรือวัตถุธาตุ
หรือบัญชีกรรมที่ต้องชำระสะสางผ่านครอบครัวบราห์มินทำให้ความกระตือรือร้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สูงส่งอ่อนแอลง
แล้วก็มีลูกบางคนที่ขาดความกล้าหาญที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
ที่ใดไม่มีความกล้าหาญ ที่นั่นจะไม่มีความจริงจังและความกระตือรือร้น
และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงตนเองก็ไม่มีความสำเร็จที่ลูกต้องการที่จะมีในงานของการเปลี่ยนแปลงโลก
เพราะงานรับใช้ทางจิตของพระเจ้านี้แสดงให้เห็นถึงงานรับใช้สามประเภทที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
งานรับใช้ทั้งสามประเภทนี้ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันคืออะไร? 1. ทัศนคติ 2. กระแส
3. คำพูด ทั้งสาม ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่มีความถ่อมตนและความไม่เห็นแก่ตัว
จงกลับมามีพลังบนพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้ เพราะนี่คือวิธี
ที่จะทำให้ลูกประสบผลสำเร็จตามที่ลูกต้องการ
มิฉะนั้นงานรับใช้เกิดขึ้นและลูกทำให้ตนเองและผู้อื่นพอใจในช่วงเวลาสั้นๆเนื่องจากความสำเร็จบางอย่างในงานรับใช้
แต่ไม่ใช่ความสำเร็จอย่างที่ลูกต้องการและอย่างที่บัพดาดาต้องการอย่างแท้จริง
บัพดาดาพอใจเช่นกันที่ ลูกมีความสุข
แต่ผลที่เกิดขึ้นตามความสามารถของลูกนั้นจะถูกบันทึกไว้ในหัวใจของผู้ปลอบประโลมหัวใจอย่างแน่นอน
แน่นอนท่านจะพูดว่า “ทำได้ดี, ทำได้ดี”
เพราะสายตาและทัศนคติของพ่อของพรสำหรับลูกทุกคนอยู่ที่นั่นเสมอ
ถ้าไม่ใช่วันนี้แล้วก็เป็นวันพรุ่งนี้ที่ลูกๆ
เหล่านี้จะเป็นตัวของความสำเร็จอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามพร้อมกับการเป็นผู้ประทานพร
ท่านก็เป็นครูด้วยเช่นกัน และด้วยเหตุนี้ท่านจึงดึงความสนใจของลูกไปสู่อนาคต
ดังนั้นวันนี้บัพดาดาได้เห็นผลลัพธ์ของงานในการเปลี่ยนแปลงโลกและของลูกๆที่เปลี่ยนแปลงโลก
มีการเติบโต เสียงกระจายไปทุกหนแห่งและม่านแห่งการเปิดเผยก็เริ่มเปิดออกแล้ว
ขณะนี้ความปรารถนาได้ถูกสร้างขึ้นมาในดวงวิญญาณทั้งหมดในทุกหนแห่งที่พวกเขาควรเข้ามาใกล้และมองดู
อะไรก็ตามที่พวกเขาเคยได้ยินตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นความต้องการที่จะมาเห็น
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามตามละครสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้เป็นผลมาจากผลกระทบอันทรงพลังของพ่อและบางดวงวิญญาณที่เป็นเครื่องมือที่สูงส่ง
ถ้าลูกส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จด้วยวิธีนี้
บราห์มินทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในไม่ช้าอย่างเป็นตัวแห่งความสำเร็จ
บัพดาดาเห็นว่าพื้นฐานของความสำเร็จ –
การเปลี่ยนแปลงตนเองซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบของตนเอง ผู้อื่น และพ่อ –
ยังขาดอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเหตุใดจึงมีการขาดในการเปลี่ยนแปลงตนเองนี้?
สาเหตุหลักของสิ่งนี้ก็คือพลังพิเศษอย่างหนึ่งขาดหายไป
พลังพิเศษนั้นคือพลังแห่งการตระหนักรู้
พื้นฐานที่ง่ายดายของการเปลี่ยนแปลงใดๆคือพลังของการตระหนักรู้
ลูกไม่สามารถมีประสบการณ์ได้จนกว่าลูกจะมีพลังของการตระหนักรู้
และรากฐานของคุณสมบัติพิเศษของชีวิตบราห์มินไม่สามารถแข็งแกร่งได้จนกว่าลูกจะมีประสบการณ์
จงนำชีวิตบราห์มินของลูกตั้งแต่ตอนเริ่มต้นมาอยู่เบื้องหน้าลูก
การเปลี่ยนแปลงแรก: ฉันเป็นดวงวิญญาณ และพ่อเป็นของฉัน
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานใด? เมื่อลูกได้ตระหนักว่า “ใช่,
ฉันคือดวงวิญญาณ และผู้เดียวนี้เท่านั้นเป็นพ่อของฉัน”
การตระหนักรู้นี้สามารถทำให้ลูกมีประสบการณ์
แล้วเมื่อนั้นการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น
ลูกจะยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความเร็วธรรมดาจนกว่าลูกจะตระหนักรู้สิ่งนี้
แต่ในขณะที่พลังแห่งการตระหนักรู้ทำให้ลูกมีประสบการณ์
ลูกจะกลายเป็นผู้เพียรพยายามที่จริงจัง
ในทำนองเดียวกันสิ่งที่พิเศษทั้งหมดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับผู้สร้างหรือสิ่งสร้าง
จนกว่าลูกจะตระหนักรู้ในทุกประเด็นว่า ใช่แล้ว นี่คือเวลานั้น
นี่คือโยคะเดียวกันและฉันคือดวงวิญญาณที่สูงส่งนั้น
มิฉะนั้นลูกจะไม่มีความจริงจังและกระตือรือร้นเดิมในการกระทำของลูก สำหรับบางคน-จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆเนื่องจากผลกระทบของบรรยากาศแต่จะไม่เกิดขึ้นตลอดเวลา
พลังของการตระหนักรู้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างง่ายดายและตลอดไป
ในทำนองเดียวกันถ้าลูกไม่มีพลังในการตระหนักรู้ในการเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยเช่นกัน
ก็จะไม่สามารถมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงส่งได้ตลอดเวลา
ในสิ่งนี้จำเป็นต้องมีการตระหนักรู้ในสองสิ่งเป็นพิเศษ 1.
การตระหนักรู้ถึงความอ่อนแอของตนเอง 2.
การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์และความปรารถนาและความรู้สึกในจิตใจของผู้ที่เป็นเครื่องมือ
(สำหรับสถานการณ์นั้น)
ความอ่อนแอของบุคคลหรือในสภาพของคนนั้นจากการอยู่ภายใต้อิทธิพลภายนอก
ด้วยการรู้เหตุผลของการสอบผ่านสถานการณ์นั้น
ขอให้มีการตระหนักรู้ของการสอบผ่านสิ่งนั้นด้วยรูปที่สูงส่งของลูก: “ฉันสูงส่ง,
สภาพของฉันสูงส่ง และสถานการณ์นั้นเป็นเพียงข้อสอบ”
การตระหนักรู้นี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างง่ายดาย และลูกจะสอบผ่าน
การตระหนักรู้ถึงความปรารถนาของผู้อื่นและการตระหนักรู้ถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับความก้าวหน้าของตนเองของพวกเขาคือพื้นฐานของความก้าวหน้าในตนเองของลูก
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงตนเองไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากพลังของการตระหนักรู้
ในสิ่งนี้เช่นกัน,หนึ่งคือการตระหนักรู้ด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์
และอีกหนึ่งคือการตระหนักรู้ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด เพราะลูกเต็มไปด้วยความรู้อย่างมาก
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงเวลาและเพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงงานของลูกและเชิดชูชื่อเสียงของลูก
ลูกจะมีการตระหนักรู้ในเวลานั้น
แต่การตระหนักรู้นั้นไม่มีพลังที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นการตระหนักรู้จากหัวใจทำให้ลูกได้รับพรจากผู้ปลอบประโลมหัวใจ
ในขณะที่การตระหนักรู้ด้วยความเฉลียวฉลาดจะทำให้ลูกและผู้อื่นมีความสุขในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
การตระหนักรู้ประเภทที่สามคือจิตใจของลูกยอมรับว่าบางสิ่งไม่ถูกต้อง
สำนึกของลูกยังบอกลูกด้วยว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง
แต่เพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ภายนอกของการเป็นมหาวีระ
หรือเนื่องจากไม่ต้องการทำให้ตนเองดูอ่อนแอหรือน้อยด้อยค่าในครอบครัว
ลูกฆ่าสำนึกของลูกอยู่เรื่อยๆ การฆ่าสำนึกของลูกเช่นนี้ก็เป็นบาปเช่นกัน
เช่นเดียวกับการฆ่าตัวตายเป็นบาปอย่างยิ่ง
ดังนั้นสิ่งนี้ก็ถูกสะสมในบัญชีบาปเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้บัพดาดาเฝ้าแต่ยิ้มและเฝ้าแต่รับฟังการสนทนาในจิตใจของพวกเขาด้วย
เหล่านั้นเป็นการสนทนาที่สวยงามมาก
สิ่งหลักคือผู้ที่มีการตระหนักรู้ประเภทนี้คิดว่า: คนอื่นจะรู้อะไร?
สิ่งนี้เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตามพ่อรู้เกี่ยวกับใบไม้ทุกใบ
ท่านไม่รู้บางสิ่งเมื่อท่านได้รับการบอกถึงสิ่งนั้น
อย่างไรก็ตามแม้กระทั่งในขณะที่รู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น ท่านกลับเพิกเฉย
และด้วยความไร้เดียงสาในรูปที่ไร้เดียงสาของท่าน ท่านทำให้ลูกๆเคลื่อนไป
เมื่อท่านรู้เหตุใดท่านจึงไร้เดียงสา? เพราะท่านเป็นพ่อที่มีความเมตตา
และดังนั้นลูกจึงไม่สะสมบาปเพิ่มขึ้นด้วยบาปนั้น ท่านมีความเมตตา ลูกเข้าใจไหม?
ลูกๆ
เช่นนั้นฉลาดมากและมาอยู่เบื้องหน้าพ่อผู้ชาญฉลาดหรือดวงวิญญาณที่เป็นเครื่องมือ
ด้วยเหตุนี้พ่อจึงกลายเป็นพระเจ้าที่มีเมตตาและไร้เดียงสา
บัพดาดามีบัญชีที่ชัดเจนมากของการกระทำและทุกความคิดในจิตใจของลูกทุกคน
ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่ามีอะไรอยู่ในจิตใจของพวกเขา
เพราะภาพของการเต้นของหัวใจแต่ละครั้งในหัวใจลูกทุกคนนั้นชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงพูดว่า ท่านไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในหัวใจของแต่ละคน-
เพราะไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะเป็นสิ่งที่ชัดเจนแล้ว
ชาร์ทของการเต้นของหัวใจในทุกขณะและทุกความคิดที่อยู่ในจิตใจอยู่เบื้องหน้าบัพดาดา
ท่านสามารถบอกลูกเกี่ยวกับสิ่งนั้น
ไม่ใช่ว่าท่านไม่สามารถบอกลูกเกี่ยวกับสิ่งนั้นได้ ท่านสามารถบอกลูกถึงวันที่
สถานที่ เวลา และสิ่งที่ลูกทำ ท่านสามารถบอกลูกได้ทุกสิ่ง
อย่างไรก็ตามขณะที่รู้ทั้งหมดนั้น ท่านอยู่อย่างไม่นึกถึง
ดังนั้นวันนี้บัพดาดาเห็นชาร์ททั้งหมด
เหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงตนเองที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคือการขาดการตระหนักรู้ด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์
พลังของการตระหนักรู้สามารถให้ประสบการณ์ที่แสนหวานมากแก่ลูก
ลูกเข้าใจสิ่งนี้ใช่ไหม?
บางครั้งพิจารณาตนเองเป็นดวงวิญญาณที่เป็นเพชรพลอยในดวงตาของพ่อนั่นคือตระหนักรู้ว่าตนเองเป็นจุดที่สูงส่งหลอมรวมอยู่ในดวงตา
เพียงจุดเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมอยู่ในดวงตาได้ ร่างกายไม่สามารถหลอมรวมในดวงตาได้
บางครั้งพิจารณาว่าตนเองเป็นเพชรพลอยตรงหน้าผากที่เปล่งประกายบนหน้าผาก
บางครั้งตระหนักรู้ว่าตนเองเป็นดวงดาวที่เปล่งประกาย
บางครั้งมีประสบการณ์และตระหนักรู้ตนเองว่าเป็นมือขวาที่ให้ความร่วมมือของพ่อบราห์มา
แขนของบราห์มาในรูปของบราห์มินที่มีตัวตน
บางครั้งตระหนักรู้ว่าตนเองเป็นเทวดานางฟ้าที่ละเอียดอ่อน
ด้วยพลังของการตระหนักรู้จึงมีประสบการณ์ทางจิตที่แสนพิเศษมากมาย
อย่าเพียงแค่พูดถึงสิ่งเหล่านั้นในรูปของความรู้ แต่จงตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านั้น
จงเพิ่มพลังของการตระหนักรู้ประเภทนี้และการตระหนักรู้ประเภทอื่นของความอ่อนแอจะชัดเจนมากขึ้นโดยอัตโนมัติ
แม้กระทั่งจุดเล็กๆก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในกระจกอันทรงพลัง
และลูกสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ดังนั้นลูกเข้าใจไหม?
พลังของการตระหนักรู้เป็นพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงตนเอง จงใช้พลัง
อย่าเพียงแค่นับพลังแล้วมีความสุขกับสิ่งนั้น โดยคิดว่า “ใช่ ฉันมีพลังนี้
และฉันก็มีพลังนี้ด้วยเช่นกัน “แต่ใช้พลังนั้นเพื่อตนเอง เพื่อผู้อื่น
และเพื่องานรับใช้ในทุกงาน ลูกเข้าใจไหม? ลูกบางคนถามว่า:
พ่อทำสิ่งนี้ตลอดเวลาหรือไม่? อย่างไรก็ตามพ่อสามารถทำอะไร? ท่านต้องพาลูกแต่ละคนไป
เมื่อท่านต้องพาลูกไปกับท่าน ท่านจึงจำเป็นต้องมีความเป็นมิตรเช่นนี้
ดังนั้นท่านจึงเฝ้าแต่มองดูลูกๆ
และให้ข่าวแก่ลูกอย่างต่อเนื่องเพื่อที่ลูกผู้ที่เป็นมิตรร่วมทางจะกลับมาทัดเทียม
ไม่ใช่แม้กระทั่งเรื่องของผู้ที่จะตามมาข้างหลัง จะมีพวกเขาหลายคน
แต่เพื่อนต้องทัดเทียมกัน ดังนั้นลูกคือมิตรร่วมทางหรือเป็นส่วนหนึ่งของขบวน?
ขบวนจะยาวมาก ด้วยเหตุนี้ขบวนของชีวาจึงเป็นที่รู้จักกันดี
มีความหลากหลายของผู้ที่อยู่ในขบวน แต่มิตรร่วมทางต้องเป็นเช่นนี้ (เหมือนพ่อ)
อัจชะ
นี่คือโซนตะวันออก โซนตะวันออกกำลังทำอะไร?
ลูกจะทำให้พระอาทิตย์แห่งการเปิดเผยขึ้นที่ไหน? ที่พ่อจุตินั้นเป็นข่าวเก่าแล้ว
อย่างไรก็ตามเวลานี้ลูกจะทำอะไร? ลูกมีความซาบซึ้งที่ดีมากว่านี่คืออาณาจักรเก่า (สถานที่ดั้งเดิมของบราห์มาบาบา
- กัลกัตตา) แต่ตอนนี้ลูกจะทำอะไร?
ตอนนี้ขอให้พระอาทิตย์แห่งความใหม่บางอย่างปรากฏขึ้นเพื่อที่สิ่งนั้นจะปรากฏออกมาจากริมฝีปากของทุกคนว่า
พระอาทิตย์แห่งความใหม่ได้ปรากฏขึ้นในโซนตะวันออก
เวลานี้ให้สาธิตสิ่งนี้ในทางปฏิบัติ โดยการดำเนินงานที่ยังไม่มีใครทำ ลูกมีหน้าที่,
จัดสัมมนา, รับใช้คนสำคัญ และรับใช้ผ่านหนังสือพิมพ์ แต่ทุกคนทำสิ่งนั้น
ดังนั้นเวลานี้จงแสดงประกายของความใหม่บางอย่าง ลูกเข้าใจไหม?
บ้านของพ่อคือบ้านของลูก ลูกได้มาถึงที่นี่แล้วอย่างสะดวกสบาย
ผู้ปลอบประโลมหัวใจให้ความสะดวกสบายทางวัตถุแก่ลูกเช่นกัน
เมื่อไม่มีความสบายในหัวใจแล้ว
แม้ว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดเพื่อความสะดวกสบาย ลูกก็จะรู้สึกไม่สบาย
ลูกมีความสบายในหัวใจ นั่นคือมีรามอยู่ในหัวใจของลูกเสมอ
และด้วยเหตุนี้ลูกจึงสัมผัสกับความสบายในทุกสถานการณ์ ลูกมีความสะดวกสบายใช่หรือไม่?
หรือการมาและการไปทำให้ลูกไม่ได้พักผ่อน?
อย่างไรก็ตามจงคิดว่านั่นเป็นโชคชะตาของละครที่แสนหวาน ลูกกำลังเฉลิมฉลองเมล่า(การชุมนุม)ใช่หรือไม่?
พบปะพ่อ พบปะครอบครัว การเฉลิมฉลองเมล่าเป็นโชคชะตาที่แสนหวานด้วยเช่นกัน อัจชะ
ถึงดวงวิญญาณทั้งหมดมีพลังที่สูงส่งที่สุด
ถึงดวงวิญญาณผู้เพียรพยายามอย่างเข้มข้นทั้งหมด ผู้ที่ใช้ทุกพลังในเวลาที่ถูกต้อง
ถึงลูกๆที่มีหัวใจที่มีความสุขที่ประสบความสำเร็จเสมอตามที่พวกเขาต้องการในงานรับใช้ผ่านการเปลี่ยนแปลงตนเอง
ถึงผู้เป็นตัวแห่งความสำเร็จที่อยู่อย่างชัดเจนด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์เบื้องหน้าพ่อผู้ปลอบประโลมหัวใจอย่างสม่ำเสมอ
รักและระลึกถึงจากหัวใจของบัพดาดาและนมัสเต
บัพดาดาพบกลุ่มพบกลุ่ม:
ลูกสัมผัสว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณพิเศษที่อยู่ภายใต้ร่มฉัตรแห่งการปกป้องคุ้มครองของพ่อหรือไม่?
ที่ใดมีร่มฉัตรแห่งการปกป้องคุ้มครองของพ่อ ลูกจะปลอดภัยจากมายาเสมอ
มายาไม่สามารถเข้ามาภายใต้ร่มฉัตรแห่งการปกป้องคุ้มครองได้
ลูกจะห่างไกลจากการทำงานหนักโดยอัตโนมัติและจะมีความสุขเสมอ
เพราะที่ใดมีงานหนักมันจะไม่ปล่อยให้ลูกสนุกกับตัวเอง
ตัวอย่างเช่นเมื่อเด็กกำลังเรียนหนังสือก็มีงานหนักในสิ่งนั้น
ในช่วงระหว่างวันสอบของพวกเขา พวกเขาทำงานหนักมาก พวกเขาไม่ได้เล่นและสนุกกับตัวเอง
จากนั้นเมื่องานหนักเสร็จสิ้นลง เมื่อการสอบของพวกเขาจบสิ้นลง
พวกเขาก็สนุกกับตัวเอง ดังนั้นที่ใดมีงานหนัก ที่นั่นก็ไม่มีความสุข ที่ใดมีความสุข
ที่นั่นไม่มีการทำงานหนัก
การอยู่ภายใต้ร่มฉัตรแห่งการปกป้องคือการมีความสุขกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เพราะที่นี่แม้ว่าลูกจะศึกษาการศึกษาสูงสุดและแม้ว่านี่จะเป็นการศึกษาสูงสุด
แต่ลูกก็มีความศรัทธาว่าลูกได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนที่ลูกได้ผ่านมันไปแล้วและนี่คือเหตุผลที่ลูกสนุกกับตัวเอง
นี่คือการศึกษาวงจรแล้ววงจรเล่า ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
ดังนั้นจงมีความสุขในตัวเองอยู่เสมอและให้ข่าวสารแก่ผู้อื่นในการมีความสุขกับตัวเองและเฝ้าแต่รับใช้ต่อไป
เพราะลูกจะรับประทานผลของงานรับใช้ต่อไปในเวลานี้และในอนาคตเช่นกัน
เมื่อลูกทำงานรับใช้เท่านั้นที่ลูกจะได้รับผลของงานรับใช้นั้น
ในช่วงเวลาของการอำลา พูดกับพี่น้องชายหญิงอาวุโส:
บัพดาดาต้องการทำให้ลูกๆทุกคนโบยบินด้วยความปรารถนาที่บริสุทธิ์ที่จะทำให้พวกเขาทัดเทียม
ผู้รับใช้ที่เป็นเครื่องมือจะกลับมาทัดเทียมกับพ่ออย่างแน่นอน
ไม่ว่าพ่อต้องทำให้ลูกเป็นเช่นนั้นอย่างไร
เพราะพ่อจะไม่พาเพียงแค่ใครคนหนึ่งไปกับท่าน พ่อมีความภาคภูมิใจของท่านเช่นกัน
ถ้าพ่อสมบูรณ์พร้อมแต่มิตรร่วมทางนั้นเป็นง่อยหรือพิการก็คงจะไม่เหมาะสม
คนง่อยหรือพิการจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวน พวกเขาจะไม่เป็นมิตรร่วมทาง
ด้วยเหตุนี้ขบวนของชีวาจึงถูกแสดงให้เห็นเสมอว่ามีคนง่อยและพิการเพราะบางดวงวิญญาณที่อ่อนแอจะกลายเป็นผู้ที่มีค่าหลังจากผ่านดินแดนดารามราช
พร:
ขอให้ลูกเป็นเจ้าสมุทรที่มีพลังในการยอมรับปรับตัวและด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นตัวแห่งความสำเร็จบนเวทีของงานรับใช้
เมื่อลูกเข้าสู่เวทีของงานรับใช้ สถานการณ์มากมายหลายประเภทจะมาอยู่เบื้องหน้าลูก
ดังนั้นจงยอมรับปรับตัวกับสถานการณ์เหล่านั้นภายในตัวลูกเองและลูกจะกลายเป็นตัวแห่งความสำเร็จ
การยอมรับปรับตัวหมายความว่าอย่าให้มีร่องรอยของสิ่งที่หยาบที่สุดแม้แต่น้อยในรูปของความคิดหรือความรู้สึกที่หลอมรวมอยู่ในตัวลูก
เปลี่ยนคำพูดที่ไม่มีความเมตตากรุณาให้เป็นความรู้สึกที่มีเมตตากรุณาและให้คุณประโยชน์ในลักษณะที่เหมือนราวกับว่าไม่เคยพูดถ้อยคำที่ไม่มีความเมตตากรุณาเหล่านั้น
เปลี่ยนข้อบกพร่องให้เป็นคุณธรรมและการประณามเป็นการสรรเสริญ
แล้วลูกจะถูกเรียกว่าเป็นเจ้าสมุทร
คติพจน์:
คนที่ไม่มองเห็นการขยายตัว
แต่มองเห็นสาระและหลอมรวมสิ่งนั้นไว้ในตนเองคือผู้ที่เพียรพยายามอย่างเข้มข้น