15.02.21 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ยุคบรรจบพบกันนี้เป็นยุคของการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้น
ทุกคนได้รับประโยชน์ในยุคนี้ เหตุนี้เองจึงกล่าวกันว่า:
มีคุณประโยชน์สำหรับทุกคนเนื่องจากการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้นของลูก
คำถาม:
เหตุใดบาบาถึงแสดงความยินดีอย่างมากมายกับลูกบราห์มินทุกคน?
คำตอบ:
บาบาพูดว่า: เป็นเพราะลูกๆ ของพ่อกลายเป็นเทพจากมนุษย์
เวลานี้ลูกเป็นอิสระจากโซ่ตรวนของราวัน
ลูกสอบผ่านด้วยเกียรตินิยมและได้รับอาณาจักรแห่งสวรรค์ พ่อไม่ได้ทำเช่นนั้น
ดังนั้นบาบาจึงขอแสดงความยินดีกับลูกเป็นอย่างยิ่ง ลูกดวงวิญญาณคือว่าว
เชือกของลูกทั้งหมดอยู่ในมือของพ่อ พ่อทำให้ลูกกลายเป็นนายแห่งสวรรค์
เพลง:
ในที่สุดวันเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง....
โอมชานติ
ใครบอกเรื่องราวของความเป็นอมตะนี้ให้แก่ลูก?
ไม่ว่าลูกจะเรียกสิ่งนั้นว่าเป็นเรื่องราวของความเป็นอมตะ
เรื่องราวของการกลายเป็นนารายณ์ที่แท้จริง หรือเรื่องราวของดวงตาที่สาม
ทั้งสามสิ่งนี้มีความสำคัญ
เวลานี้ลูกนั่งอยู่เบื้องหน้าใครและใครกำลังเล่าเรื่องราวให้แก่ลูก?
แม้กระทั่งผู้นี้ก็ยังเคยไปชุมนุมทางจิตมากมาย ที่นั่นลูกจะเห็นแต่มนุษย์เท่านั้น
พวกเขาพูดว่าซันยาสซีคนนี้คนนั้นกำลังถ่ายทอดเรื่องราวทางศาสนา
ชีวานันดากำลังถ่ายทอดเรื่องราว มีชุมนุมทางจิตมากมายในบารัต
พวกเขามีชุมนุมทางจิตในทุกถนน
แม้กระทั่งผู้หญิงก็เพียงแค่หยิบหนังสือทางศาสนาขึ้นมาและมีชุมนุมทางจิต
ดังนั้นที่นั่นลูกเห็นมนุษย์ ในขณะที่ที่นี่เป็นประเด็นที่น่าอัศจรรย์
ใครอยู่ในสติปัญญาของลูก? ดวงวิญญาณสูงสุด พระเจ้า
ลูกพูดว่าเวลานี้บาบาได้มาอยู่เบื้องหน้าลูกและบาบาที่ไม่มีตัวตนกำลังสอนลูก
มนุษย์พูดว่า “แต่พระเจ้านั้นอยู่เหนือรูปและนาม!” พ่ออธิบายว่า:
ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือรูปและนาม
ลูกเข้าใจดีว่าไม่ใช่มนุษย์ที่มีตัวตนที่กำลังสอนลูกอยู่ที่นี่
ที่ใดก็ตามที่ลูกไปในโลก เป็นมนุษย์ที่มีตัวตนที่สอนลูก
ที่นี่พ่อสูงสุดผู้ที่เรียกว่าพระเจ้าที่ไม่มีตัวตนพ่อนั่งและสอนลูกโดยผ่านผู้ที่มีตัวตน
นี่คือสิ่งที่ใหม่โดยสิ้นเชิง ชาติแล้วชาติเล่าที่ลูกเคยได้ยินพวกเขาพูดว่า “คนนี้เป็นบัณฑิตหรือกูรูนั้นๆ”
พวกเขามีชื่อมากมาย บารัตใหญ่มาก ใครก็ตามที่สอนหรืออธิบายแก่ลูกนั้นเป็นมนุษย์
สาวกก็เป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน มีมนุษย์หลายประเภท
พวกเขาพูดถึงชื่อของร่างกายเสมอและพูดว่า “คนนั้นคนนี้กำลังบอกเล่าสิ่งนี้”
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาพวกเขาร้องเรียกหาผู้เดียวที่ไม่มีตัวตน: โอ
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ได้โปรดมา! ท่านมาและอธิบายแก่ลูกๆ
ลูกรู้ว่าทั้งโลกได้กลับมาไม่บริสุทธิ์ทุกๆวงจร
และเพียงพ่อผู้เดียวที่ไม่มีตัวตนเท่านั้นที่ทำให้โลกบริสุทธิ์อีกครั้ง
ในบรรดาลูกทั้งหมดที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ลูกบางคนก็อ่อนแอและบางคนก็เข้มแข็ง
เป็นเพราะลูกมีสำนึกที่เป็นร่างมาเป็นเวลาครึ่งวงจรแล้วเวลานี้ลูกต้องกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณในชาติเกิดนี้
ดวงวิญญาณสูงสุดนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆแต่ละดวงวิญญาณที่กำลังนั่งอยู่ในร่างกายของลูก
เป็นดวงวิญญาณที่นำสันสการ์ไป ดวงวิญญาณพูดผ่านอวัยวะของเขา: ฉันเป็นคนนั้นคนนี้
อย่างไรก็ตามไม่มีใครมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
พ่ออธิบายว่าผู้ที่เคยเป็นของสุริยวงศ์และจันทราวงศ์ในบารัตจะมาในเวลานี้และกลายเป็นบราห์มินแล้วพวกเขาก็จะกลายเป็นเทพ
มนุษย์มีนิสัยของการมีสำนึกที่เป็นร่าง พวกเขาลืมที่จะอยู่ในสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
เหตุนี้เองพ่อจึงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า: จงกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ!
เป็นดวงวิญญาณที่นำเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันมาใช้และเล่นบทบาทของเขา
เหล่านี้คืออวัยวะของเขา เวลานี้พ่อพูดกับลูกๆ ว่า: จงมานมานะบาฟ!
ไม่มีใครสามารถได้รับโชคแห่งอาณาจักรเพียงแค่การศึกษากีตะ
ลูกถูกทำให้เป็นตรีกาลดาร์ชิในเวลานี้ มีความแตกต่างกันของกลางวันกับกลางคืน
พ่ออธิบายว่า: พ่อสอนราชาโยคะแก่ลูก กฤษณะคือเจ้าชายของยุคทอง
เทพแห่งสุริยวงศ์ไม่มีความรู้นี้ ความรู้จะหายไป
ความรู้นี้เป็นไปเพื่อการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์
ในยุคทองไม่มีใครอยู่ในความตกต่ำ นั่นคือยุคทอง ในขณะที่เวลานี้คือยุคเหล็ก
ในบารัตเริ่มแรกมี 8 ชาติเกิดในสุริยวงศ์ และจากนั้น 12 ชาติเกิดในจันทราวงศ์
ชาติเกิดเดียวนี้ของลูกนี้เป็นชาติเกิดที่ดีที่สุด
ลูกคือสิ่งสร้างที่เกิดจากปากของประชาบิดาบราห์มา
นี่คือศาสนาบราห์มินที่สูงส่งที่สุด
ศาสนาเทพไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นศาสนาที่สูงส่งที่สุด
ศาสนาบราห์มินคือศาสนาที่สูงส่งที่สุดในศาสนาทั้งหมด
เทพเพียงแค่สัมผัสกับรางวัลของพวกเขา ทุกวันนี้มีนักสังคมสงเคราะห์มากมาย
งานของลูกคืองานรับใช้ทางจิต ของพวกเขาคืองานรับใช้ทางร่างกาย
งานรับใช้ทางจิตนี้สามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ไม่มีนักสังคมสงเคราะห์ฯลฯ ราชาและราชินีเคยปกครอง ในยุคทองมีเทพ
ลูกมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาแล้วก็กลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา
เมื่อลักษมีและนารายณ์ไปสู่หนทางแห่งบาปในยุคทองแดงและผู้คนก็สร้างวัดให้แก่พวกเขา
ก่อนอื่นพวกเขาสร้างวัดให้แก่ชีวา
ท่านคือผู้ประทานหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ให้แก่ทุกคน
ดังนั้นท่านจะต้องได้รับการกราบไหว้บูชาอย่างแน่นอน
ชีพบาบาทำให้ดวงวิญญาณปราศจากกิเลส จากนั้นมีการกราบไหว้บูชาเทพ
ลูกมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาแล้วก็กลายเป็นผู้ที่กราบไหว้บูชา บาบาได้บอกลูกว่า:
จดจำวงจรต่อไป ลูกลงบันไดมาและเวลานี้ได้ตกลงมาถึงพื้นแล้ว
เวลานี้คือสภาพของการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้นของลูก มีคำกล่าวว่า:
มีคุณประโยชน์สำหรับทุกคนเนื่องจากสภาพของการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้นของลูก
เวลานี้พ่อได้นำสภาพของการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้นสำหรับมนุษย์ทั่วทั้งโลก
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์มาและชำระล้างทุกคนให้บริสุทธิ์
เมื่อเป็นยุคทองหลังจากสภาพของการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้นของลูก
ดวงวิญูญาณที่เหลือทั้งหมดจะอยู่ในดินแดนแห่งการหลุดพ้น พ่อนั่งที่นี่และอธิบายว่า:
ลูกๆ ที่สุดแสนหวาน พ่อถือกำเนิดในบารัตเท่านั้น มีการจดจำว่าชีพบาบาได้มา
เวลานี้ท่านมาอีกครั้ง สิ่งนี้เรียกว่า:
ไฟบูชายัญของความรู้ที่ไม่สูญสลายของอำนาจในการปกครองตนเองซึ่งม้าถูกสังเวย
ไฟบูชายัญถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองตนเอง มีอุปสรรคในเวลานั้น
เวลานี้มีอุปสรรคเช่นกัน ผู้เป็นแม่ถูกทำร้ายร่างกาย พวกเธอกล่าวว่า:
บาบาเรากำลังถูกเปลื้องผ้า! พวกเขาไม่ทิ้งเราไว้ตามลำพัง
บาบาได้โปรดปกป้องพวกเราด้วย! พวกเขาได้แสดงว่าดุพดีได้รับการปกป้องอย่างไร
ลูกได้มาหาพ่อเพื่อประกาศสิทธิ์ในมรดกสำหรับ 21 ชาติเกิดของลูก
ลูกอยู่ในการจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงและชำระตนเองให้บริสุทธิ์
และแล้วด้วยการข้องแวะในกิเลสทุกสิ่งก็จบสิ้นและลูกก็ตกลงมาทันที
เหตุนี้เองพ่อจึงพูดว่า: ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์อย่างแน่นอน
ผู้ที่กลายเป็นเช่นนี้ในวงจรก่อนหน้านี้ก็จะให้คำมั่นสัญญาเพื่อความบริสุทธิ์
และบางคนสามารถกลับมาบริสุทธิ์ได้ และบางคนก็ไม่บริสุทธิ์
สิ่งหลักคือการจดจำระลึกถึง หากลูกอยู่ในการจดจำระลึกถึง อยู่อย่างบริสุทธิ์
และควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง ลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง
รูปที่เป็นคู่ของวิษณุนั้นปกครองอาณาจักร
อย่างไรก็ตามเครื่องประดับของหอยสังข์และกงจักรที่พวกเขาได้ให้ไว้แก่วิษณุไม่ได้เป็นของเทพ
ลักษมีและนารายณ์ไม่มีเครื่องประดับเหล่านั้น
วิษณุอาศัยอยู่ในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน เขาไม่ต้องการความรู้ของวงจร มีเพียง“การเคลื่อนไหวที่ไม่มีเสียง”ที่นั่น
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าลูกคือผู้อาศัยของดินแดนแห่งความสงบ
นั่นคือโลกที่ไม่มีตัวตน มนุษย์ไม่เข้าใจว่าดวงวิญญาณคืออะไร
พวกเขาพูดว่าดวงวิญญาณแต่ละดวงคือดวงวิญญาณสุงสุด
พวกเขาพูดถึงดวงวิญญาณว่าเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายที่อยู่ตรงกลางหน้าผาก
ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาเหล่านี้
ไม่ว่าใครบางคนพยายามที่จะขังร่างกายไว้ในหีบแก้วมากแค่ไหนก็ตามเพื่อดูว่าดวงวิญญาณจากร่างได้อย่างไร
ก็ไม่มีใครเข้าใจสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังพูดว่าดวงวิญญาณเป็นเหมือนดวงดาวและไม่สามารถมองเห็นได้โดยปราศจากเทพนิมิต
ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา ผู้คนมากมายก็มีนิมิต
มีการเขียนไว้ว่าอรชุนมีนิมิตของแสงสว่างที่คงอยู่ตลอดไปนิรันดร์ อรชุนร้องออกมาว่า
เขาไม่สามารถทนได้ พ่ออธิบายว่า: ไม่มีสิ่งใดสว่างเท่าสิ่งนั้น
เมื่อดวงวิญญาณเข้าไปในร่างกาย ลูกไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนั้น
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าบาบาเข้ามาและพูดอย่างไร ดวงวิญญาณนั้นมาที่นี่และพูด
สิ่งนี้ทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้วในละครเช่นกัน
ไม่มีเรื่องของความแข็งแกร่งของใครในสิ่งนี้
ดวงวิญญาณไม่ได้จากร่างของเขาและไปที่อื่น; นั่นเป็นเพียงเรื่องของนิมิต
นี่เป็นประเด็นที่น่ามหัศจรรย์ พ่อพูดว่า: พ่อเข้ามาในร่างที่ธรรมดา
พวกเขาปลุกเรียกดวงวิญญาณ
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเชื้อเชิญดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปให้มาแล้วก็ถามคำถามกับเขา
เวลานี้ทุกสิ่งตาโมประธาน พ่อมาเพียงเพื่อชำระผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์
พวกเขาพูดถึง 84 ชาติเกิด ดังนั้นควรจะเข้าใจได้ว่าผู้ที่มาก่อนต้องใช้ 84
ชาติเกิดอย่างแน่นอน พวกเขาพูดถึงหลายแสนชาติเกิด เวลานี้พ่ออธิบายว่า:
พ่อส่งลูกไปสวรรค์ ลูกไปและปกครองที่นั่น ลูกผู้คนของบารัตถูกส่งไปสวรรค์
ลูกได้รับการสอนราชาโยคะในยุคบรรจบพบกัน พ่อพูดว่า: พ่อมาในยุคบรรจบพบกันของวงจร
แล้วพวกเขาได้เขียนในกีตะว่าท่านมาในทุกยุค
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกลงบันไดมาอย่างไรและลูกปีนขึ้นไปอย่างไร
มีสภาพของการขึ้นและแล้วสภาพของการลง เวลานี้คือยุคบรรจบพบกัน
เป็นยุคของการเคลื่อนไปสู่สภาพที่สูงขึ้นสำหรับทุกคน
เวลานี้ลูกกำลังปีนและขึ้นไปและจากนั้นลูกจะลงมาในสวรรค์เพื่อเล่นบทบาทของลูก
ในยุคทองไม่มีศาสนาอื่นใด นั่นเรียกว่าโลกที่ปราศจากกิเลส
และจากนั้นเทพก็ตกไปสู่หนทางแห่งบาปและทุกคนก็เริ่มมีกิเลส
ราชาและราชินีเป็นเช่นไรปวงประชาก็เป็นเช่นนั้น พ่ออธิบายว่า: โอผู้คนของบารัต
ลูกเคยอยู่ในโลกที่ปราศจากกิเลสและเวลานี้เป็นโลกที่มีกิเลส
เวลานี้มีศาสนามากมายนับไม่ถ้วน แต่ศาสนาเทพไม่ได้คงอยู่
เมื่อศาสนาไม่คงอยู่ต่อไปแล้วเท่านั้นที่จะมีการก่อตั้งขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
พ่อพูดว่า: พ่อมาและก่อตั้งศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปโดยผ่านบราห์มา
ท่านจะทำสิ่งนี้ที่นี่ใช่ไหม? ท่านจะไม่ทำสิ่งนี้ในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน
มีการเขียนไว้ว่าการสร้างของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปนั้นโดยผ่านบราห์มา
เวลานี้ลูกไม่ถูกเรียกว่าบริสุทธิ์ ลูกกำลังจะกลับมาบริสุทธิ์; สิ่งนี้ต้องใช้เวลา
ไม่มีการเขียนไว้ในคัมภีร์ใดว่าลูกกลับมาบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์ได้อย่างไร
อันที่จริงคำยกย่องสรรเสริญเป็นของพ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เนื่องจากการลืมพ่อลูกจึงกลายเป็นลูกกำพร้าและเฝ้าแต่รบรากัน ผู้คนถามว่า:
ทุกคนจะสามารถรวมกันและเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร? พวกเขาทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน
บาบามีประสบการณ์ ผู้นี้ได้ทำความเลื่อมใสศรัทธาทุกประเภท
ท่านเคยมีกูรูจำนวนมากที่สุด พ่อพูดว่า: จงละทิ้งพวกเขาทั้งหมด! ลูกได้พบพ่อแล้ว
ลูกเรียกท่านว่าผู้ประทานหลุดพ้นสำหรับทุกคน สัต ศรี อกาล (สัจจะ
ผู้ที่สูงส่งที่สุดและผู้ที่เป็นอมตะ)
ผู้คนอ่านสิ่งนี้อย่างมากแต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนี้ พ่ออธิบายว่า:
เวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ต่อมาโลกที่บริสุทธิ์จะถูกสร้างขึ้น
เพียงบารัตเท่านั้นที่ไม่สูญูสลาย
ไม่มีใครรู้ว่าบารัตไม่เคยถูกทำลายหรือการทำลายล้างอย่างสิ้นซากไม่เคยเกิดขึ้น
พวกเขาแสดงให้เห็นว่ากฤษณะลอยมาบนใบโพธิ์ในมหาสมุทร ทารกไม่สามารถลอยมาบนใบโพธิ์ได้
พ่ออธิบายว่า: ลูกจะถือกำเนิดอย่างสบายมากผ่านครรภ์
มีการกล่าวกันว่าครรภ์ที่นั่นเป็นพระราชวัง
ในขณะที่ครรภ์ที่นี่กล่าวได้ว่าเป็นคุกหรือกรงขัง
ในยุคทองครรภ์เป็นเหมือนพระราชวังและดวงวิญญาณมีนิมิตล่วงหน้าว่าเขาจะละร่างของเขาและรับอีกร่างหนึ่ง
ที่นั่นพวกเขาอยู่อย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
มนุษย์ไม่รู้จักผู้สร้างหรือตอนเริ่มตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้าง
เวลานี้ลูกรู้ว่าพ่อคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ลูกคือจ้าวสมุทร
ลูกผู้เป็นแม่คือแม่น้ำและลูกพี่น้องเพศชายคือทะเลสาบแห่งความรู้
พวกเธอคือแม่น้ำแห่งความรู้และลูกคือทะเลสาบ ที่นั่นคือหนทางครอบครัว
อาศรมของลูกเป็นอาศรมของหนทางของการครองเรือนที่บริสุทธิ์
และเวลานี้เป็นหนทางของการครองเรือนที่ไม่บริสุทธิ์ พ่อพูดว่า:
จดจำไว้เสมอว่าลูกคือดวงวิญญาณ จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น! บาบาได้ออกคำสั่งแก่ลูก:
อย่าได้จดจำผู้ที่มีร่างกายใดๆ!
ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ลูกเห็นด้วยดวงตาของลูกจะถูกทำลาย เหตุนี้เองพ่อพูดว่า:
มานมานะบาฟ และมาเดียจีบาฟ! เฝ้าแต่ลืมสุสานนี้ พายุของมายามากมายจะมา
ลูกต้องไม่หวาดกลัวพายุเหล่านั้น พายุมากมายจะมา
อย่าได้ทำกรรมเช่นนั้นผ่านอวัยวะทางร่างกายของลูก
เป็นเพียงเมื่อลูกลืมพ่อเท่านั้นที่พายุมา
การจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
การจาริกแสวงบุญเหล่านั้นเป็นของดินแดนแห่งความตาย
การจาริกแสวงบุญนี้นำไปสู่ดินแดนแห่งความเป็นอมตะ พ่อพูดว่า:
อย่าได้จดจำผู้มีร่างกายใดๆ! ลูกๆ ส่งโทรเลขมากมายสำหรับชีพแจนตี พ่อพูดว่า:
ลูกก็เช่นเดียวกัน! พ่อแสดงความยินดีกับลูกๆ ด้วยเช่นกัน
อันที่จริงมีการแสดงความยินดีกับลูกๆ เพราะลูกเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเทพ
แล้วผู้ที่สอบผ่านด้วยเกียรตินิยมจะได้รับคะแนนมากกว่าและประกาศสิทธิ์ในสภาพที่สูง
พ่อกำลังแสดงความยินดีกับลูก เพราะเวลานี้ลูกเป็นอิสระจากโซ่ตรวนของราวัน
ทุกดวงวิญญาณเป็นเหมือนว่าว เชือกของทุกคนอยู่ในมือของพ่อ
ท่านจะพาทุกคนกลับไปกับท่าน
ท่านคือผู้ประทานหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์สำหรับทุกคน
แต่ลูกกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อประกาศสิทธิ์ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่แสนหวาน
ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง
และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ
บัพดาดา
พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. เพื่อที่จะสอบผ่านด้วยเกียรตินิยม จดจำพ่อผู้เดียวและไม่จดจำผู้มีร่างกายใดๆ
มองแต่ไม่เห็นสิ่งใดก็ตามที่ลูกมองด้วยดวงตาของลูก
2.
ลูกอยู่ในการจาริกแสวงบุญเพื่อไปสู่ดินแดนแห่งความเป็นอมตะ
ดังนั้นลูกต้องไม่จดจำสิ่งใดในดินแดนแห่งความตาย
ใส่ใจที่จะไม่กระทำกรรมที่เป็นบาปใดๆด้วยอวัยวะทางร่างกายของลูก
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้รับใช้โลกและปลุกเรียกดวงวิญญาณมากมายด้วยสภาพของความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสของลูก
ยิ่งสภาพสุดท้ายของลูกเข้าใกล้คาร์มาทีทมากขึ้นเรื่อยๆเท่าไหร่
ลูกก็จะยิ่งรักที่จะอยู่ในสภาพที่อยู่เหนือเสียงมากเท่านั้น
ในสภาพนี้ลูกจะสัมผัสกับความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสอยู่ตลอดเวลา
แล้วในสภาพของความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสนี้ลูกจะสามารถปลุกเรียกดวงวิญญาณอื่น ๆ
อีกมากมายได้อย่างง่ายดาย สภาพที่มีพลังนี้เป็นสภาพของผู้ที่ให้คุณประโยชน์ต่อโลก
ในสภาพนี้ลูกจะสามารถทำให้สาสน์ของบาบาไปถึงดวงวิญญาณที่กำลังนั่งอยู่ในที่ห่างไกลได้
คติพจน์:
ด้วยการเก็บคุณสมบัติพิเศษของแต่ละคนไว้ในสำนึกรู้ของลูก จงมีความซื่อสัตย์
และชุมนุมจะเป็นหนึ่งเดียวกันในทิศทางเดียวกัน