04.12.25 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ขณะนี้ลูกได้รับสายตาที่สูงส่งจากพ่อแล้ว
เพียงด้วยสายตาที่สูงส่งนี้เท่านั้นที่ลูกจะสามารถมองเห็นดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด
คำถาม:
ด้วยการทำความเข้าใจความลับใดของละครที่ลูกจะไม่ให้คำแนะนำแก่ใครโดยเฉพาะ?
คำตอบ:
เมื่อลูกเข้าใจว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในละครในอดีตจะซ้ำรอยอย่างถูกต้องแม่นยำ
ลูกจะไม่มีวันแนะนำใครให้หยุดการทำความเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อความรู้นี้อยู่ในสติปัญญาของพวกเขาเป็นอย่างดี
เมื่อพวกเขาเข้าใจว่าพวกเขาคือดวงวิญญาณและพวกเขาต้องประกาศสิทธิ์ในมรดกของเขาจากพ่อที่ไร้ขีดจำกัดและเมื่อพวกเขาได้ตระหนักรู้จักท่านด้วยเช่นกัน
สิ่งที่มีขีดจำกัดทั้งหมดของพวกเขาก็จะจบสิ้นลงโดยอัตโนมัติ
โอมชานติ
ลูกนั่งที่นี่อย่างมั่นคงในศาสนาดั้งเดิมของลูกหรือไม่ ? พ่อทางจิตถามลูกๆ ทางจิต
เพราะลูกรู้ว่ามีเพียงพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดเท่านั้นที่เรียกว่าจิตวิญญาณ (Spirit)
เป็นเพียงท่านนั้นที่เรียกว่าเป็นผู้ที่สูงสุด (Supreme)
ท่านเรียกว่าผู้เป็นจิตวิญญาณสูงสุด(Supreme Spirit) หรือดวงวิญญาณสูงสุด(Supreme
Soul) ดวงวิญญาณสูงสุด พระเจ้า มีอยู่จริงอย่างแน่นอน
ไม่สามารถกล่าวได้ว่าท่านไม่มีอยู่จริง ดวงวิญญาณสูงสุดหมายถึงพระเจ้า
ได้มีการอธิบายสิ่งนี้แก่ลูกแล้ว
ดังนั้นลูกต้องไม่สับสนเพราะลูกเคยได้ยินความรู้นี้เมื่อ 5000 ปีที่แล้วด้วยเช่นกัน
เป็นดวงวิญญาณที่รับฟังสิ่งนี้ ดวงวิญญาณละเอียดอ่อนและเล็กมาก
ดวงวิญญาณเล็กมากที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาของใคร
ไม่มีมนุษย์แม้แต่คนเดียวที่จะได้เห็นดวงวิญญาณด้วยดวงตาทางร่างกาย
ดวงวิญญาณสามารถมองเห็นได้แต่ด้วยสายตาที่สูงส่งเท่านั้น
และนั่นก็เป็นไปตามแผนของละครด้วย โอเค ยกตัวอย่างเช่น
ใครบางคนมีนิมิตของดวงวิญญาณในลักษณะเดียวกับที่เขาเห็นสิ่งอื่นๆ
ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธาเช่นกันเมื่อพวกเขามีนิมิตของบางสิ่งมันก็ผ่านสายตาทางร่างกายของเขา
พวกเขาได้รับเทพนิมิตนั้นและได้เห็นสิ่งนั้นราวกับว่าสิ่งนั้นอยู่ในรูปที่มีชีวิต
ดวงวิญญาณได้รับดวงตาของความรู้ที่ทำให้เขามองเห็นบางสิ่ง
แต่นั่นก็อยู่ในสภาพของการเข้าฌาน ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อพวกเขาได้ทำความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมากที่พวกเขาได้รับนิมิต ยกตัวอย่างเช่น
มีร่าได้รับนิมิตของตัวเธอเองกำลังร่ายรำในสวรรค์ อย่างไรก็ตาม
สวรรค์ก็ไม่ได้คงอยู่ นั่นต้องเป็นเวลาเมื่อ 500 ถึง 600 ปีที่แล้ว
สวรรค์ไม่ได้คงอยู่ในขณะนี้ สิ่งใดก็ตามที่เคยมีอยู่ในอดีตจะเห็นได้ด้วยเทพนิมิต
เมื่อพวกเขาทำความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมากและจดจ่ออยู่กับความเลื่อมใสศรัทธาอย่างเต็มที่พวกเขาก็ได้นิมิต
แต่พวกเขาไม่ได้รับการหลุดพ้นจากสิ่งนั้น
หนทางของการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตนั้นแยกจากหนทางความเลื่อมใสศรัทธาโดยสิ้นเชิง
มีวัดมากมายในบารัต พวกเขาได้วางลิงกัมของชีวาใน วัดเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
พวกเขามีลิงกัมขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ลูกๆ
เข้าใจว่าดวงวิญญาณเป็นเหมือนดวงวิญญาณสูงสุด ขนาดของดวงวิญญาณทั้งหมดเท่ากัน
พ่อเป็นเช่นไร ลูกก็เป็นเช่นนั้น ดวงวิญญาณทั้งหมดคือพี่น้องชาย
ดวงวิญูญาณเข้าสู่ร่างกายของเขาเพื่อเล่นบทบาทของเขา นี่คือสิ่งที่ต้องเข้าใจ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่าของหนทางความเลื่อมใสศรัทธา
เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่อธิบายสิ่งต่างๆของหนทางของความรู้
ก่อนอื่นใดเป็นเพียงพ่อที่ไร้ตัวตนที่ไร้ขีดจำกัดเท่านั้นที่อธิบายทุกสิ่ง
ไม่มีใครสามารถเข้าใจท่านได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือถูกต้องแม่นยำ
พวกเขาพูดว่าท่านอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่ถูกต้อง
พวกเขาเรียกหาพ่อด้วยความรักอย่างมาก พวกเขากล่าวว่า: บาบา
เมื่อท่านมาเราจะอุทิศตนเองแก่ท่าน
ท่านผู้เดียวเท่านั้นและไม่มีใครอื่นที่เป็นของฉัน
ดังนั้นลูกต้องจดจำท่านอย่างแน่นอน ท่านเองก็พูดว่า: โอ้ ลูกๆ! ท่านพูดกับดวงวิญญาณ
นี่เรียกว่าความรู้ทางจิตวิญญาณ
ได้มีการจดจำกันว่าดวงวิญญาณได้อยู่อย่างแยกห่างจากดวงวิญญาณสูงสุดเป็นเวลาที่ยาวนาน
บัญชีนี้ต้องมีการแสดงไว้ด้วยเช่นกัน ลูกดวงวิญญูาณได้แยกห่างจากท่านเป็นเวลานาน
และขณะนี้ที่ลูกได้มาหาพ่อเพื่อศึกษาราชา โยคะของลูกอีกครั้ง ครูคือผู้รับใช้ของลูก
ครูคือผู้รับใช้ที่เชื่อฟังเสมอ พ่อก็พูดเช่นกันว่า: พ่อคือผู้รับใช้ของลูกๆทุกคน
ลูกร้องเรียกหาราวกับว่าเป็นสิทธิ์ของลูก: โอ้ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์
ได้โปรดมาและชำระเราให้บริสุทธิ์! ลูกทั้งหมดคือผู้เลื่อมใสศรัทธา ลูกพูดว่า: โอ้
พระเจ้าได้โปรดมา! มาและชำระล้างเราให้บริสุทธิ์อีกครั้ง!
โลกที่บริสุทธิ์เรียกว่าสวรรค์และโลกที่ไม่บริสุทธิ์เรียกว่านรก
ทุกเรื่องเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ
นี่คือวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยโลกของพระเจ้าผู้เป็นพ่อ
เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยคือการเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นเทพ ลูกๆ
มีศรัทธาว่านี่คือสิ่งที่ลูกต้องเป็น
ใครก็ตามที่ไม่มีศรัทธาจะมานั่งในโรงเรียนหรือไม่?
ลูกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในสติปัญญาของลูก
ถ้าลูกกำลังจะกลายเป็นนักกฎหมายหรือหมอลูกจะต้องศึกษาเล่าเรียน
ถ้าลูกไม่มีศรัทธานื้ลูกก็จะไม่แม้แต่จะมาที่นี่ด้วยซ้ำ
ลูกมีศรัทธาว่าลูกจะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นเทพ จากมนุษย์ธรรมดาเป็นนารายณ์
นี่คือเรื่องราวที่แท้จริงของการเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นนารายณ์
ในความเป็นจริงนี่เป็นการศึกษาเล่าเรียน แต่เหตุใดจึงเรียกว่าเป็นเรื่องเล่า?
เพราะลูกนั้นเคยได้ยินสิ่งนี้เมื่อ 5000 ปีที่แล้วเช่นกัน ที่เวลานี้เป็นอดีต
อดีตก็เรียกได้ว่าเป็นคาถา Katha (เรื่องราวทางศาสนา)
เหล่านี้คือคำสอนสำหรับลูกที่จะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นนารายณ์ ลูกๆ
รู้อยู่ในหัวใจของลูกว่าเทพคงอยู่ในโลกใหม่และมนุษย์คงอยู่ในโลกเก่า
มนุษย์ไม่มีคุณธรรมอย่างที่เทพมี ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกเรียกว่าเทพ
มนุษย์ก้มลงอยู่เบื้องหน้ารูปบูชาของเหล่าเทพและพูดว่า: ท่านเต็มเปี่ยมไปทุกคุณธรรม...
แล้วพวกเขาก็เรียกตนเองว่าเป็นคนบาปที่ตกต่ำ เป็นมนุษย์ที่พูดสิ่งนี้
ไม่ใช่เทพที่พูดสิ่งนี้ เทพคงอยู่ในยุคทอง พวกเขาไม่สามารถคงอยู่ในยุคเหล็กได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพวกเขาเรียกทุกคนว่าศรีศรี ศรีหมายถึงสูงส่ง
เพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำให้ลูกสูงส่งที่สุด เทพที่สูงส่งนั้นคงอยู่ในยุคทอง
ขณะนี้ไม่มีมนุษย์ใดที่สูงส่ง เวลานึ้ลูกๆได้มีการสละละทิ้งที่ไร้ขีดจำกัด
ลูกรู้ว่าโลกเก่านี้กำลังจะถูกทำลาย และด้วยเหตุนี้เองลูกจึงมีการวางเฉยในโลก
ผู้คนเหล่านั้นคือหฐโยคีผู้สละละทิ้ง
พวกเขาละทิ้งบ้านของพวกเขาและจากไปและแล้วพวกเขาก็ไปอาศัยอยู่ในปราสาทราชวัง
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในการมีชีวิตอยู่ในกระท่อมเล็กๆของพวกเขา ไม่มีแต่อย่างใด
เพื่อความสันโดษเขาจึงต้องนั่งในกระท่อมเล็กๆ ไม่ใช่ในปราสาทราชวัง
บาบาก็มีกระท่อมเล็กๆ เช่นกัน มีความสุขทุกอย่างในกระท่อมเล็กๆ ขณะนี้ลูกๆ
ต้องทำความเพียรพยายามที่จะเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเทพ
ลูกรู้ว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในละครเวลานี้กลายเป็นอดีตไปแล้วและสิ่งนั้นจะซ้ำรอยอีกครั้งอย่างถูกต้องแม่นยำ
ด้วยเหตุนี้เองลูกต้องไม่แนะนำใครให้หยุดแสดงความเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อความรู้นี้เข้าไปสู่สติปัญญาของพวกเขา พวกเขาจะเข้าใจว่าพวกเขาคือดวงวิญูญูาณ
และพวกเขาต้องประกาศสิทธิ์ในมรดกของเขาจากพ่อที่ไร้ขีดจำกัด
เมื่อมีการตระหนักรู้จักพ่อที่ไร้ขีดจำกัด สิ่งที่มีขีดจำกัดทั้งหมดก็จบสิ้นลง
พ่อพูดว่า: ในขณะที่อยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูก
เพียงแค่เชื่อมสติปัญญาของลูกในโยคะกับพ่อ
ต้องมีการกระทำเพื่อหาเลี้ยงชีพของร่างกาย
เช่นเดียวกับที่บางคนได้แสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างจริงจังมากในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา
พวกเขาไปเพื่อที่จะไปดูรูปปั้นบูชาทุกวันอย่างเป็นระเบียบวินัยที่แรงกล้ามาก
การไปหาผู้มีร่างกายคือการจาริกแสวงบุญทางร่าง
พวกเขาต้องล้มลุกคลุกคลานอย่างมากในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา
ที่นี่ลูกไม่ต้องล้มลุกคลุกคลานเลย
เมื่อผู้คนมาที่นี่พวกเขาก็จะถูกขอให้นั่งลงเพื่อที่จะสามารถอธิบายความรู้นื้ให้แก่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าลูกจะต้องนั่งในที่เดียวเพื่อที่จะจดจำระลึกถึงพ่อ
ผู้เลื่อมใสศรัทธาของกฤษณะในหนทางความเลื่อมใสศรัทธาจะไม่สามารถจดจำกฤษณะในขณะที่กำลังเดินเหินและเคลื่อนไหวไปมาหรือไม่?
ด้วยเหตุนี้เองผู้ที่มีการศึกษาจึงถามว่า
ในเมื่อมีภาพของกฤษณะอยู่ในบ้านของพวกเขาแล้วทำไมผู้คนต้องไปที่วัด?
พวกท่านสามารถกราบไหว้บูชาภาพกฤษณะที่ใดก็ตามที่พวกท่านอยู่ อัจชะ
พวกท่านอาจจะไม่มีภาพแต่ก็ยังคงสามารถจดจำเขาได้
ในเมื่อพวกท่านนั้นได้เห็นบางสิ่งแล้ว ก็จะเฝ้าจดจำสิ่งนั้น
ลูกก็ถูกถามในสิ่งเดียวกัน:
เธอนั้นไม่สามารถจดจำชีพบาบาในขณะที่กำลังนั่งอยู่ที่บ้านหรือ? นี่คีอสิ่งใหม่
ไม่มีใครรู้จักชีพบาบา พวกเขาไม่รู้จักรูป นาม
แผ่นดินหรือช่วงระยะเวลาของท่านและเพียงแค่พูดว่าท่านนั้นอยู่ในทุกหนแห่ง
ดวงวิญญูาณไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นดวงวิญญูาณสูงสุด
ดวงวิญญาณจดจำระลึกถึงพ่อของพวกเขา แต่เนื่องจากพวกเขาไม่รู้จักท่าน
ลูกจึงต้องอธิบายแก่พวกเขาเป็นเวลาเจ็ดวัน จากนั้นอธิบายรายละเอียดทุกประเด็นด้วย
พ่อคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ลูกรับฟังท่านมาเป็นเวลายาวนานแล้วเพราะท่านมีความรู้
ลูกเข้าใจว่าลูกได้รับความรู้เพื่อเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเทพ พ่อพูดว่า:
พ่อบอกสิ่งใหม่ที่ลึกล้ำให้แก่ลูกทุกวัน
เมื่อลูกไม่ได้รับมูร์ลีลูกก็ร้องไห้อย่างมาก! พ่อพูดว่า: เพียงแค่จดจำระลึกถึงพ่อ!
แม้ว่าลูกจะศึกษามุรลีลูกก็ยังคงลืมพ่อ ก่อนอื่นใดลูกต้องจดจำว่า: ฉันคือดวงวิญญาณ
เป็นจุดที่เล็กมาก ลูกต้องเข้าใจว่าดวงวิญญาณคืออะไร พวกเขาพูดว่า:
ดวงวิญญาณออกจากร่างนี้และเข้าไปในใครบางคน
เราดวงวิญญาณได้กลับมาไม่บริสุทธิ์ด้วยการกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่
ก่อนหน้านี้ลูกเป็นของศาสนาของการครองเรือนที่บริสุทธิ์
ลักษมีและนารายณ์ทั้งคู่นั้นบริสุทธิ์ และแล้วทั้งสองก็กลับมาไม่บริสุทธิ์
และขณะนี้ทั้งสองกำลังกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง ดังนั้น
พวกเขาจึงกลับมาบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์ หรือว่าพวกเขาเกิดมาบริสุทธิ์?
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายว่าลูกบริสุทธิ์อย่างไร
และด้วยการที่ลูกไปสู่หนทางบาปแล้วลูกได้กลับมาไม่บริสุทธิ์อย่างไร
ผู้กราบไหว้บูชากล่าวได้ว่าไม่บริสุทธิ์
ในขณะที่ผู้มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชากล่าวได้ว่าบริสุทธิ์
ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของทั้งโลกอยู่ในสติปัญญาของลูก
ลูกรู้ว่าใครเคยปกครองที่นั่น และพวกเขาได้รับอาณาจักรของพวกเขาอย่างไร
ไม่มีใครอื่นที่รู้สิ่งนี้
ก่อนหน้านี้ลูกเองก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับผู้สร้างหรือตอนเริ่ม
ตอนกลางหรือตอนจบของสิ่งสร้าง นั่นหมายความว่าลูกเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
ลูกไม่ได้รู้สิ่งใดเลย เมื่อลูกกลายเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
ลูกก็มีประสบกับความทุกข์มากมาย ขณะนี้ลูกมาที่นี่เพื่อกลายเป็นเทพ
จะมีความสุขมากมายที่นั่น ต้องมีการสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่งที่นี่ ลูกๆ
ของประชาบิดา บราห์มาคือพี่น้องหญิงชาย ต้องไม่มีสายตาที่เป็นอาชญากรใด
สิ่งนี้ต้องใช้ความเพียรพยายาม ดวงตาเป็นอาชญากรอย่างมาก
จากอวัยวะทางร่างกายทั้งหมด,ดวงตาเป็นอาชญากรมากที่สุด
ดวงตาอยู่อย่างเป็นอาชญากรเป็นเวลาครึ่งวงจรและมีอารยธรรมเป็นเวลาครึ่งวงจร
ในยุคทองดวงตาไม่ได้เป็นอาชญากร
เมื่อดวงตาของใครบางคนเป็นอาชญากรเขาก็กล่าวได้ว่าเป็นปีศาจ พ่อเองพูดว่า:
พ่อเข้ามาในโลกที่ไม่บริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ต้องกลับมาบริสุทธิ์
ผู้คนพูดว่าผู้นี้ (บราห์มา) เรียกตนเองว่าพระเจ้า ดูภาพของต้นไม้:
ผู้นี้ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของต้นไม้ในโลกที่ตาโมประธาน
ผู้เดียวกันนั้นก็กำลังทำทาปาเชียอยู่ด้านล่างต้นไม้ด้วยเช่นกัน
ราชวงศ์ของลักษมีและนารายณ์ยังคงดำเนินต่อไปในยุคทอง
ช่วงเวลานั้นนับเป็นการครองราชย์ของลักษมีและนารายณ์ ด้วยเหตุนี้เองที่บาบาพูดว่า :
เมี่อลูกได้แสดงอาณาจักรของลักษมีและนารายณ์ ลูกก็ควรจะเขียนว่า:
ยุคเงินได้เริ่มต้นขึ้น 1250 ปีหลังจากอาณาจักรนี้เริ่มต้นขึ้น
ได้มีการกล่าวถึงเป็นเวลาหลายแสนปีในคัมภีร์ มีความแตกต่างของกลางวันและกลางคืน
มีกลางคืนของบราห์มาเป็นเวลาครึ่งวงจร และกลางวันของบราห์มาเป็นเวลาครึ่งวงจร
เพียงพ่อเท่านั้นที่อธิบายสิ่งเหล่านี้ แล้วท่านก็ยังพูดอีกว่า: ลูกๆ ที่แสนหวาน
พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ!
ด้วยการจดจำท่านเท่านั้นที่ลูกจะกลับมาบริสุทธิ์
และความคิดสุดท้ายของลูกจะนำลูกไปสู่จุดหมายปลายทาง บาบาไม่ได้ขอให้ลูกอยู่ที่นี่
ท่านไม่ได้ขอให้ลูกที่เฝ้าแต่ทำงานรับใช้อยู่ที่นี่
ศูนย์และพิพิธภัณฑ์ยังคงมีการเปิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ มีการส่งคำเชิญให้กับผู้คนมากมาย:
มาและประกาศสิทธิ์โดยกำเนิดของคุณในอาณาจักรของโลกที่ได้รับจากพระเจ้า คุณคือลูกๆ
ของพ่อ พ่อคือผู้สร้างสวรรค์ ดังนั้น จึงควรที่จะได้รับมรดกแห่งสวรรค์ของลูก
พ่อพูดว่า: พ่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อก่อตั้งสวรรค์
วงจรโลกเดียวกันยังคงหมุนต่อไป มีการกำหนดมากมายของมนุษย์และพวกเขาพูดสิ่งต่างๆ
มากมาย มีความคิดเห็นมากมาย สิ่งเหล่านี้เรียกว่าหนทางที่ไม่มีการแบ่งแยก
ต้นไม้นี้ใหญ่มาก! กิ่งก้านสาขามากมายได้ปรากฏขึ้น ศาสนาต่างๆ
มากมายกำลังแพร่กระจาย ก่อนหน้านี้เคยมีหนทางเดียวและอาณาจักรเดียว
เคยเป็นอาณาจักรของพวกเขาทั่วทั้งโลก ขณะลูกเข้าใจสิ่งนี้แล้ว
เราเคยเป็นนายของทั้งโลก และหลังจากที่ใช้ 84 ชาติเกิดเราก็กลับมายากจนข้นแค้น
ขณะนี้ลูกกำลังเอาชนะความตาย ไม่มีความตายก่อนวัยอันควรที่นั่น
ที่นี่บางคนตายก่อนวัยอันควรในขณะที่นั่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ไม่มีสิ่งใดนอกจากความตายในทุกหนแห่ง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นที่นั่น
ที่นั่นชีวิตดำเนินต่อไปเต็มอายุของทุกคน เคยมีความสงบ
ความบริสุทธิ์และความเจริญรุ่งเรืองในบารัต ช่วงอายุขัยเฉลี่ยคือ 150 ปี
ดูช่วงอายุขัยเวลานี้สิ! พระเจ้าสอนโยคะให้กับลูก ดังนั้น
ลูกจึงถูกเรียกว่าโยเกชวาร์ ลูกจะไม่ถูกเรียกสิ่งนี้ที่นั่น
ลูกเป็นโยเกชวาร์เวลานี้ พระเจ้ากำลังสอนราชาโยคะแก่ลูก และแล้วลูกจะกลายเป็นราช-ราเจชวาร์
(เจ้าชายและเจ้าหญิง) ขณะนี้ลูกคือญานเนชวาร์ (เต็มไปด้วยความรู้)
และแล้วลูกก็กลายเป็นราเจชวาร์ นั่นคือราชาเหนือราชา อัจชะ
ถึงลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
ทำความเพียรพยายามทำให้ดวงตาของลูกมีอารยะธรรม ให้สติปัญญาของลูกตระหนักรู้เสมอว่า
ลูกเป็นพี่น้องหญิงชาย เป็นลูกของประชาบิดาบราห์มา
ดังนั้นลูกต้องไม่มีสายตาเยี่ยงอาชญากร
2.
ในขณะที่กระทำกรรมเพื่อหาเลี้ยงชีพของร่างกายของลูก
จงเชื่อมโยงสติปัญญาของลูกในโยคะกับพ่อผู้เดียว
สละละทิ้งทุกสิ่งที่มีขีดจำกัดและจดจำพ่อที่ไร้ขีดจำกัด
กลายเป็นผู้ที่สละละทิ้งที่ไร้ขีดจำกัด
พร:
ขอให้ลูกมั่นคงและไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนอยู่เสมอ และด้วยสำนึกรู้ของคำว่า "บาบา"
จงเปลี่ยนคำว่า "เหตุผล" เป็น "การแก้ปัญหา"
ทันทีที่ลูกพูดว่า “บาบา”
สำหรับสถานการณ์ที่แปรปรวน ลูกจะไม่หวั่นไหว
เมื่อลูกเริ่มคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ลูกจะรู้สึกยากลำบาก
ถ้าแทนที่จะคิดเกี่ยวกับเหตุผล
ลูกกลับเริ่มคิดถึงวิธีแก้ปัญหาแล้วเหตุผลก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหา
เพราะสถานการณ์ไม่เป็นแม้กระทั่งเหมือนมดเบื้องหน้าของบราห์มินผู้เป็นนายที่ทรงพลังอำนาจ
แทนที่จะแค่คิดว่า มันเกิดอะไรขึ้น หรือทำไมมันถึงเกิดขึ้น
ให้คิดว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
ซึ่งงานรับใช้หลอมรวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
และแม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่งานรับใช้จะหลอมรวมอยู่ในนั้น
และลูกจะอยู่อย่างไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนเสมอ
คติพจน์:
ผู้ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของพ่อผู้เดียวจะไม่สามารถได้รับอิทธิพลจากคนอื่น
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
เวลานี้ให้มีความใส่ใจอย่างลึกล้ำที่จะกลับมาสมบูรณ์พร้อมและอยู่เหนือบ่วงกรรม
เพื่อที่จะได้รับสภาพอยู่เหนือบ่วงกรรม
จงทำการกระทำอย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ ฉันดวงวิญญาณทางจิต
ผู้ที่อยู่ในสภาพของผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ
อยู่ในสภาพละวางและมีความรักอย่างสม่ำเสมอในขณะที่ทำทุกสิ่ง
ฉันดวงวิญญาณผู้มีประสบการณ์ทางจิต มีชีวิตทางจิต และมีชีวิตที่สูงส่ง
จงมีความซาบซึ้งนี้อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ทำการกระทำ
จงเพิ่มการฝึกฝนนี้อย่างต่อเนื่อง และลูกจะได้รับสภาพอยู่เหนือบ่วงกรรม