07.04.25       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน คุณธรรมที่สูงส่งที่สุดคือการอยู่อย่างเงียบสงบ นั่นคือไม่พูดเสียงดังแต่พูดอย่างอ่อนหวาน เวลานี้ลูกๆ จะไปจาก “โลกที่ใช้เสียง” นี้เข้าไปสู่ “โลกของการเคลื่อนไหว” และแล้วจาก “การเคลื่อนไหว” ลูกก็เข้าไปสู่ความเงียบสงบ ดังนั้นอย่าได้เข้ามาสู่เสียงมากเกินไป

คำถาม:
ด้วยการสร้างสมคุณธรรมหลักประการใดที่ลูกจะสามารถสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่งอื่นๆ ทั้งหมดได้โดยอัตโนมัติ?

คำตอบ:
คุณธรรมหลักในการสร้างสมคือความบริสุทธิ์ เหล่าเทพมีความบริสุทธิ์ เหตุนี้เองพวกเขาจึงมีคุณธรรมที่สูงส่งในตนเอง ไม่มีใครในโลกนี้สามารถมีคุณธรรมที่สูงส่งได้ จะมีคุณธรรมที่สูงส่งในอาณาจักรของราวันได้อย่างไร? ลูกๆ ที่สูงศักดิ์กำลังสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่งในเวลานี้

เพลง:
ไม่มีใครพิเศษสุดเหมือนกับพระเจ้าผู้ไร้เดียงสา…

โอมชานติ
เวลานี้ลูกๆ เข้าใจว่ามีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เสียไปแล้วให้กลับมาดี ผู้คนในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาไปหาผู้อื่นมากมาย พวกเขาไปในการจาริกแสวงบุญมากมายมากฯลฯ มีผู้เดียวเท่านั้นที่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้เสียหายไปแล้ว เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ชำระผู้ไม่บริสุทธิ์ให้กลับมาบริสุทธิ์ มีผู้ให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ ผู้นำทางและผู้ปลดปล่อยเดียวเท่านั้นด้วยเช่นกัน นี่คือคำยกย่องของท่าน เพราะมีมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน มีศาสนาลัทธินิกายและคัมภีร์มากมาย ผู้คนจึงแสวงหาพระเจ้าในหนทางต่างๆ มากมาย พวกเขาไปที่สัตซัง (ชุมนุมทางจิต) เพื่อความสงบและความสุข ผู้ที่ไม่ได้ไปยังสัตซังเหล่านั้นก็คงอยู่อย่างซาบซึ้งกับมายา ลูกๆ รู้ว่าเวลานี้เป็นตอนสิ้นสุดของยุคเหล็ก ผู้คนไม่รู้ว่ายุคทองจะมาถึงเมื่อไหร่หรือเวลานี้เป็นยุคอะไร ลูกคนไหนก็ตามสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้ มีความสุขในโลกใหม่และมีความทุกข์ในโลกเก่าอย่างแน่นอน มีผู้คนมากมายและศาสนามากมายในโลกเก่านี้ ลูกสามารถอธิบายให้แก่ใครก็ตามว่ายุคทองเคยคงอยู่ในอดีตและเวลานี้เป็นยุคเหล็ก มีศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปเดียวเท่านั้นในยุคทอง ไม่มีศาสนาอื่นใดคงอยู่ที่นั่น บาบาอธิบายแก่ลูกๆหลายครั้งแล้วและท่านกำลังบอกลูกอีกครั้ง แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ให้แก่ใครก็ตามที่มา ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ตาม บางคนพูดว่าช่วงระยะเวลาของแต่ละวงจรคือ 10,000 ปี บางคนก็พูดว่า 30,000 ปี มีความคิดเห็นมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขามีทิศทางของคัมภีร์ มีคัมภีร์มากมายและมีหลายทิศทาง สิ่งเหล่านั้นเป็นทิศทางของมนุษย์ คัมภีร์เขียนโดยมนุษย์ด้วยเช่นกัน เหล่าเทพไม่ได้เขียนคัมภีร์เหล่านั้น ในยุคทองมีศาสนาเทพ พวกเขาไม่แม้กระทั่งถูกเรียกว่ามนุษย์ บอกสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดกับเพื่อนฝูงญาติมิตรของลูกที่ลูกพบเจอ จะต้องมีการคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ มีผู้คนน้อยมากในโลกใหม่ ในขณะที่ประชากรของโลกเก่านี้ได้มีการเติบโตอย่างมาก ในยุคทองมีศาสนาเทพเดียวเท่านั้นและมีมนุษย์น้อยมาก เหล่าเทพเท่านั้นที่มีคุณธรรมที่สูงส่ง มนุษย์ไม่มีสิ่งเหล่านั้น เหตุนี้เองมนุษย์จึงให้การคารวะต่อเหล่าเทพ เหตุนี้เองพวกเขาจึงร้องเพลงสรรเสริญเหล่าเทพ พวกเขารู้ว่าเหล่าเทพอยู่ในสวรรค์ และพวกเขาเองอยู่ในนรกยุคเหล็กนี้ มนุษย์ไม่สามารถมีคุณธรรมที่สูงส่งได้ หากใครบางคนพูดว่าผู้นั้นผู้นี้มีคุณธรรมสูงส่งที่ดีมาก บอกพวกเขาว่า ไม่เลย เหล่าเทพเท่านั้นที่มีคุณธรรมที่สูงส่ง เพราะเพียงพวกเขาเท่านั้นที่บริสุทธิ์ ที่นี่เป็นเพราะไม่มีใครบริสุทธิ์จึงไม่มีใครสามารถมีคุณธรรมที่สูงส่งได้ นี่คืออาณาจักรปีศาจของราวัน เหล่าเทพที่มีคุณธรรมที่สูงส่งเป็นของต้นไม้ใหม่ และแล้วต้นไม้ก็กลับมาเก่า ไม่มีผู้ที่มีคุณธรรมที่สูงส่งใดสามารถอยู่ในอาณาจักรของราวันได้ ในยุคทองมีหนทางครอบครัวของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป ผู้คนในหนทางครอบครัวได้รับการยกย่อง ในยุคทองเราคือเทพที่บริสุทธิ์ หนทางของการสละละทิ้งไม่ได้คงอยู่ที่นั่น ลูกได้รับประเด็นมากมาย อย่างไรก็ตามประเด็นทั้งหมดเหล่านี้ไม่สามารถอยู่ในสติปัญญาของใครได้ ลูกสอบตกเพราะลูกลืมประเด็นต่างๆ ลูกไม่ได้สร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง คุณธรรมที่สูงส่งเดียวนี้ดีมาก: ไม่พูดมากเกินไปกับใครโดยไม่จำเป็น และพูดอย่างอ่อนหวาน และการพูดน้อย เพราะเวลานี้ลูกๆต้องไปจาก “โลกที่ใช้เสียง” นี้เข้าไปสู่ “โลกของการเคลื่อนไหว” และแล้วก็เข้าไปสู่โลกของความเงียบสงบ ดังนั้นจงหยุดการพูดมากเกินไป บางคนที่พูดน้อยมากและอ่อนหวานมากก็เป็นที่เข้าใจได้ว่ามาจากครอบครัวที่สูงศักดิ์ ขอให้มีเพชรพลอยออกมาจากปากของลูกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าลูกจะพูดกับใครก็ตามแม้ว่าจะพูดกับซันยาสซีก็ให้อธิบายแก่พวกเขาถึงความแตกต่างระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ ในยุคทองเคยมีเหล่าเทพที่มีคุณธรรมที่สูงส่ง เคยเป็นหนทางของการครองเรือน ศาสนาของลูกซันยาสซีนั้นแยกกันโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามลูกก็เข้าใจว่าโลกใหม่เคยสะโตประธานและเวลานี้ตาโมประธาน เมื่อดวงวิญญาณกลับมาตาโมประธาน พวกเขาก็ได้รับร่างกายที่ตาโมประธาน เวลานี้คือโลกที่ไม่บริสุทธิ์ ทุกคนถูกเรียกว่าไม่บริสุทธิ์ นั่นคือโลกที่บริสุทธิ์ที่สะโตประธาน และแล้วโลกใหม่ก็กลับมาเก่า ปัจจุบันมนุษย์ทั้งหลายไม่เชื่อในพระเจ้า เหตุนี้เองจึงมีความปั่นป่วนอย่างมาก เพราะพวกเขาไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้เป็นนายของพวกเขา พวกเขาจึงเฝ้าแต่รบราและต่อสู้กัน ผู้ที่รู้จักผู้สร้างและสิ่งสร้างก็ถูกเรียกว่าเชื่อในพระเจ้า ผู้ที่เป็นของศาสนาของการสละละทิ้งก็ไม่รู้จักโลกใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้แม้กระทั่งไปที่นั่น พ่อได้อธิบายแล้วว่าดวงวิญญาณทั้งหมดในปัจจุบันตาโมประธาน เวลานี้ใครสามารถทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดสะโตประธาน? เพียงพ่อเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ มีผู้คนน้อยนิดมากในโลกที่สะโตประธาน ในเวลานั้นที่เหลือทั้งหมดอยู่ในดินแดนแห่งการหลุดพ้น นั่นคือธาตุบราห์มที่ซึ่งเราดวงวิญญาณอาศัยอยู่ นั่นถูกเรียกว่าบราห์มัน ดวงวิญญาณนั้นไม่สูญสลาย ละครนี้คงอยู่ตลอดไปซึ่งดวงวิญญาณทั้งหมดมีบทบาทที่จะต้องเล่น ไม่มีใครสามารถบอกลูกได้ว่าเมื่อไรการละเล่นนี้เริ่มขึ้น ละครนี้คงอยู่ตลอดไป พ่อเพียงแต่มาเปลี่ยนโลกเก่านี้ให้กลายเป็นโลกใหม่ ไม่ใช่ว่าพ่อจะสร้างโลกใหม่ เมื่อผู้คนไม่บริสุทธิ์พวกเขาก็เรียกหาพ่อ ไม่มีใครในยุคทองเรียกหาท่านเพราะโลกนั้นบริสุทธิ์ ราวันทำให้ลูกไม่บริสุทธิ์และแล้วพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดมาและทำให้ลูกบริสุทธิ์ กลางวันของบราห์มาและกลางคืนของบราห์มากล่าวได้ว่าเป็นครึ่งต่อครึ่ง กลางวันคือรุ่งอรุณแห่งความรู้นี้ ไม่มีความไม่รู้ที่นั่น หนทางของความเลื่อมใสศรัทธาถูกเรียกว่าเป็นหนทางของความมืดของความไม่รู้ ในขณะที่กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่เหล่าเทพก็เข้ามาสู่ความมืด เหตุนี้เองจึงมีการแสดงไว้ในภาพของบันไดว่าผู้คนได้ไปผ่านสภาพสะโต,ราโจและตาโมอย่างไร เวลานี้ทุกคนอยู่ในสภาพของการเสื่อมโทรมอย่างสิ้นเชิง พ่อมาเพื่อที่จะโยกย้ายลูก นั่นคือเพื่อเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นเทพ เมื่อเหล่าเทพมีชีวิตอยู่ มนุษย์ที่มีอุปนิสัยที่เป็นเช่นปีศาจก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่ เวลานี้ใครที่จะทำให้ผู้ที่มีอุปนิสัยที่เป็นเช่นปีศาจให้กลายเป็นผู้ที่มีคุณธรรมที่สูงส่ง? เวลานี้มีศาสนามากมายและผู้คนมากมาย พวกเขาเฝ้าแต่รบราและทะเลาะเบาะแว้ง ในยุคทองมีศาสนาเดียวเท่านั้น ไม่มีเรื่องของความทุกข์ที่นั่น เรื่องเล่ามากมายได้มีการเขียนไว้ในคัมภีร์ ผู้คนได้อ่านสิ่งเหล่านั้นมาชาติแล้วชาติเล่า พ่อพูดว่าคัมภีร์เหล่านั้นทั้งหมดเป็นของหนทางความเลื่อมใสศรัทธา ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงพ่อได้ด้วยสิ่งเหล่านั้น พ่อต้องมาด้วยตัวเองเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน ไม่มีใครสามารถกลับบ้านได้เช่นนั้น ทำให้พวกเขานั่งลงและอธิบายแก่พวกเขาอย่างอดกลั้น ไม่ควรจะมีการโต้เถียงใดๆ ผู้คนเหล่านั้นมีความหลงทะนงในตนเอง ผู้รู้และผู้เคร่งศาสนาก็มีสาวกของเขาอยู่ด้วย พวกเขาก็จะพูดในทันทีว่า พวกเขาเคยถูกเวทย์มนต์ของบราห์มากุมารี ผู้ที่รู้คิดก็จะพูดว่าประเด็นเหล่านี้มีค่าควรแก่การคิดถึง ผู้คนทุกรูปแบบมาที่งานแสดงนิทรรศการและงานออกร้าน เมื่อใครในบรรดาพวกเขามาที่นิทรรศการของลูก จงอธิบายแก่พวกเขาอย่างอดกลั้น เช่นที่บาบาอธิบายแก่ลูกด้วยความอดกลั้นอย่างมาก อย่าได้พูดดังเกินไป ผู้คนมากมายก็รวมตัวกันที่นิทรรศการ ดังนั้นบอกพวกเขาว่า ให้เวลากับตนเองสักครู่และมาทำความเข้าใจด้วยตนเอง ฉันจะบอกความลับของผู้สร้างและสิ่งสร้างแก่ท่าน เพียงพ่อผู้สร้างเท่านั้นที่สามารถอธิบายตอนเริ่ม ตอนกลาง และตอนจบของสิ่งสร้างแก่ลูกได้ คนอื่นเพียงแค่พูดว่า “เนติ เนติ” (ไม่ใช่สิ่งนี้หรือสิ่งนั้น) ยังไม่มีแม้เพียงคนเดียวที่สามารถกลับได้ เมื่อได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ผ่านความรู้นี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นสำหรับความรู้อีกต่อไป ไม่มีใครนอกจากพ่อที่สามารถอธิบายความรู้นี้แก่ลูกได้ เมื่อบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่อธิบาย ผู้คนก็คิดว่าเขานั้นมีประสบการณ์ ที่เขานั้นต้องได้เคยไปยังสัตซังฯลฯ เมื่อเด็กอธิบายเขาก็คิดว่าผู้นี้จะรู้อะไร ดังนั้นผู้คนเช่นนั้นสามารถตกภายใต้อิทธิพลของลูกๆ ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ พ่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่ออธิบายความรู้นี้แก่ลูก ท่านทำให้ลูกสะโตประธานจากตาโมประธาน หากลูกๆ ผู้เป็นแม่นั่งอยู่กับผู้อื่นและอธิบายแก่พวกเขา พวกเขาก็สามารถที่จะกลับมามีความสุขได้ บอกพวกเขาว่า พ่อมหาสมุทรแห่งความรู้ได้ให้ไหของน้ำทิพย์แก่เราผู้เป็นแม่ และแล้วเราก็อธิบายแก่ผู้อื่น เฝ้าแต่พูดด้วยความถ่อมตนอย่างมาก เพียงชีวาเท่านั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้นี้ และท่านก็ให้ความรู้นี้แก่เรา ท่านพูดว่าพ่อเปิดประตูไปสู่การหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตผ่านลูกผู้เป็นแม่ ไม่มีใครอื่นสามารถเปิดประตูเหล่านั้น เราทั้งหมดกำลังศึกษากับดวงวิญญาณสูงสุด ไม่ใช่มนุษย์ที่กำลังสอนเรา เพียงพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้นี้ ลูกทั้งหมดคือมหาสมุทรแห่งความเลื่อมใสศรัทธา ลูกคือผู้มีอำนาจของความเลื่อมใสศรัทธาไม่ใช่ความรู้ เพียงพ่อเท่านั้นที่มีอำนาจของความรู้นี้ ผู้คนร้องเพลงสรรเสริญผู้เดียวเท่านั้น ท่านผู้เดียวคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด เราเชื่อในท่านเท่านั้น เป็นเพราะท่านได้สอนเราผ่านร่างของบราห์มาที่บราห์มากุมารและกุมารีได้รับการจดจำ นั่งกับพวกเขาและอธิบายอย่างอ่อนหวานมากในวิธีนี้ ไม่ว่าใครบางคนจะมีการศึกษามากมายเพียงใดเขาก็ยังคงถามคำถามมากมาย ก่อนอื่นใดทำให้พวกเขามีศรัทธาในพ่อ บอกพวกเขาว่า ก่อนอื่นใดจงทำความเข้าใจว่าพ่อคือผู้สร้างหรือไม่ เพียงชีพบาบาเท่านั้นคือผู้สร้างของทั้งหมด ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้นี้ ท่านคือพ่อ,ครูและสัตกูรู สติปัญญาของลูกควรมีศรัทธาว่าพ่อผู้สร้างเท่านั้นที่ให้ความรู้ของตอนเริ่ม ตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้างแก่เรา เพียงท่านเท่านั้นที่อธิบายแก่เรา ท่านจะอธิบายสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นแก่เราอย่างแน่นอน และแล้วไม่มีใครสามารถถามคำถามใดๆ ได้ พ่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในยุคบรรจบพบกัน ท่านเพียงแค่พูดว่าจดจำพ่อและบาปของลูกจะถูกเผา งานของพ่อคือการชำระผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์ เวลานี้โลกตาโมประธาน ไม่มีใครจะได้รับการหลุดพ้นในชีวิตจนกว่าพ่อผู้ชำระให้บริสุทธิ์จะมา พวกเขาทั้งหมดไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดต้องเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ พ่อไม่ได้บอกให้ลูกไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา พ่อพูดว่าจดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น พ่อคือผู้เป็นที่รักของลูกๆ คู่รักทั้งหมด ทุกคนจดจำผู้เป็นที่รักเดียว เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้สร้างของสิ่งสร้าง ท่านพูดว่ากลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ และจดจำพ่อและบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้องในไฟโยคะนี้ เวลานี้เท่านั้นที่โลกเก่าต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงเพราะพ่อสอนโยคะนี้ การทำลายล้างกำลังยืนอยู่เบื้องหน้า เวลานี้ลูกกำลังจะกลายเป็นเทพ พ่อบอกทุกสิ่งแก่เราอย่างง่ายดายมาก ลูกบางคนที่รับฟังพ่อโดยตรงก็ไม่สามารถที่จะมั่นคงเมื่อลูกรับฟัง สติปัญญาของลูกก็เฝ้าแต่วิ่งไปในทิศทางอื่น สิ่งเดียวกันเกิดขึ้นในความเลื่อมใสศรัทธา ทั้งวันนั้นก็สูญเสียไป สติปัญญาของพวกเขาก็เร่ร่อนไปที่นี่ที่นั่นด้วยเช่นกันในระหว่างเวลาที่พวกเขาเก็บไว้เพื่อความเลื่อมใสศรัทธา สิ่งเดียวกันนั้นอาจจะเกิดขึ้นกับทุกคนเนื่องจากมายา ลูกบางคนก็ไปเข้าฌานในขณะที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าพ่อ เวลานั้นก็สูญเปล่าไปด้วยเช่นกัน ไม่มีการสะสมรายได้ด้วยการทำเช่นนั้น พ่อพูดว่าอยู่ในการจดจำระลึกถึงแล้วบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้อง เมื่อลูกเข้าฌาน สติปัญญาของลูกก็ไม่มีการจดจำระลึกถึงพ่อ มีความสับสนอย่างมากมายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ อย่าได้แม้กระทั่งหลับตาของลูก ลูกต้องนั่งในการจดจำระลึกถึง อย่าได้กลัวที่จะลืมตาของลูก ให้เปิดตาของลูกไว้และรักษาการจดจำระลึกถึงผู้เป็นที่รักในสติปัญญาของลูก การนั่งหลับตาของลูกไม่ใช่ระบบของที่นี่ พ่อพูดว่านั่งในการจดจำระลึกถึง ท่านไม่ได้บอกลูกให้หลับตา หากลูกหลับตาของลูกและก้มศีรษะลงแล้วพ่อจะสามารถเห็นลูกได้อย่างไร? อย่าได้หลับตาของลูก หากลูกหลับตาของลูก ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องนั่นคือลูกต้องจดจำคนอื่น พ่อพูดว่าหากลูกจดจำเพื่อนฝูงและญาติมิตรของลูก,ลูกก็ไม่สามารถเป็นคู่รักที่แท้จริงได้ เมื่อลูกกลายเป็นคู่รักที่แท้จริงเท่านั้นที่ลูกจะสามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงได้ ความเพียรพยายามทั้งหมดอยู่ในการจดจำระลึกถึงนี้ เนื่องจากสำนึกที่เป็นร่างที่ลูกลืมพ่อและล้มลุกคลุกคลานไปทั่ว จงกลับมาอ่อนหวานมาก บรรยากาศนั้นควรจะอ่อนหวานมากด้วยเช่นกัน ไม่ควรจะมีเสียงดัง ใครก็ตามที่มาควรจะสามารถได้ยินว่าลูกพูดอ่อนหวานเพียงใด ควรจะมีความเงียบสงบอย่างมาก ลูกต้องไม่รบราหรือทะเลาะกัน ไม่เช่นนั้นแล้วเหมือนกับว่าลูกได้ประณามทั้ง 3 คือพ่อ, ครูและสัตกูรู แล้วลูกก็จะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่ต่ำ เวลานี้ลูกๆได้รับความเข้าใจแล้ว พ่อพูดว่า พ่อกำลังสอนลูกเพื่อทำให้ลูกสามารถที่จะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงได้ ลูกต้องศึกษาเล่าเรียนและสอนผู้อื่นด้วยเช่นกัน หากลูกไม่ได้กำลังให้ความรู้นี้แก่ใคร ลูกก็สามารถเข้าใจได้ด้วยตนเองว่าลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพใด ลูกจะกลายเป็นอะไรหากลูกไม่ได้สร้างปวงประชา หากลูกไม่มีโยคะและลูกก็ไม่มีความรู้นี้ ลูกจะต้องก้มลงให้แก่ผู้ที่มีการศึกษาอย่างแน่นอน ตรวจสอบตนเองหากลูกสอบตกในเวลานี้และได้รับสถานภาพที่ต่ำ ลูกก็จะได้รับสถานภาพที่ต่ำวงจรแล้ววงจรเล่า หน้าที่ของพ่อคือการอธิบายแก่ลูก หากลูกไม่เข้าใจลูกก็ทำลายสถานภาพของตนเอง บาบาก็เฝ้าแต่บอกลูกด้วยเช่นกันว่าลูกควรจะอธิบายแก่ผู้อื่นอย่างไร เป็นการดีกว่าที่จะพูดน้อยและพูดอย่างนุ่มนวล บาบายกย่องผู้ที่ทำงานรับใช้ ผู้ที่ทำงานรับใช้ที่ดีมากก็จะสามารถนั่งในหัวใจของบาบาได้ ลูกสามารถนั่งในหัวใจของท่านด้วยการทำงานรับใช้ ลูกจำเป็นต้องมีการจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงอย่างแน่นอนด้วยเช่นกัน และแล้วเมื่อนั้นที่ลูกจะกลับมาสะโตประธาน หากลูกมีประสบการณ์ของการลงโทษมากเพียงใดสถานภาพของลูกก็ลดลงไปตามนั้น หากบาปของลูกไม่ได้รับการเผาไป ลูกก็จะต้องมีประสบการณ์ของการลงโทษอย่างมากมายและสถานภาพของลูกก็ลดลง สิ่งนั้นถูกเรียกว่าการสูญเสีย นี่เป็นธุรกิจด้วย อย่าสร้างการสูญเสีย สร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง กลับมาสูงส่ง บาบาบอกสิ่งต่างๆแก่ลูกเพื่อช่วยให้ลูกทำความก้าวหน้า ผู้ที่ทำบางสิ่งก็ได้รับผลรางวัลของสิ่งนั้น ลูกต้องกลายเป็นผู้อาศัยของดินแดนเทวดานางฟ้า ดังนั้นจงสร้างสมคุณธรรมตามนั้น อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. เมื่อกำลังอธิบายแก่ใครจงพูดด้วยความถ่อมตนและอดกลั้นอย่างมาก คำพูดและพฤติกรรมของลูกควรจะอ่อนหวานมาก สร้างบรรยากาศแห่งความเงียบสงบ เมื่อไม่มีเสียงดังใดๆ เท่านั้น งานรับใช้ก็จะกลับมามีความสำเร็จ

2. กลายเป็นคู่รักที่แท้จริงและจดจำผู้เป็นที่รักเดียว อย่าได้นั่งในการจดจำระลึกถึงด้วยการหลับตาหรือด้วยการที่ศีรษะของลูกลดต่ำลง คงอยู่ในสำนึกเป็นดวงวิญญาณ

พร:
ขอให้ลูกเป็นเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่อย่างสม่ำเสมอและใช้สมบัติที่มีค่าทั้งหมดของลูกเพื่อตัวลูกเองและผู้อื่น

บันดาราของพ่อ(คลังสมบัติ) ทำหน้าที่ทุกวันและท่านแจกจ่ายทุกวัน ในทำนองเดียวกัน ขอให้ลูกให้อย่างสม่ำเสมอต่อไป เพราะลูกมีสมบัติแห่งความรู้ พลังและความสุขนี้อย่างมากล้น ไม่มีอันตรายใดๆ ในการเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้กับลูกและใช้สิ่งเหล่านี้ เมื่อเปิดคลังสมบัตินี้ขโมยจะไม่มา หากลูกปิดมันไว้พวกขโมยก็จะมา และมองดูที่สมบัติที่ลูกได้รับทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และใช้สมบัติเหล่านี้เพื่อตัวลูกเองและผู้อื่นและลูกจะกลายเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่อย่างสม่ำเสมอ

คติพจน์:
ไต่ตรองทุกสิ่งที่ลูกเคยได้ยิน เพราะด้วยการไต่ตรองเท่านั้นที่ลูกจะกลับมามีพลัง

สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: อยู่อย่างมีชัยชนะด้วยสำนึกรู้ของรูปรวมอย่างต่อเนื่อง

งานรับใช้และสภาพของลูก พ่อและลูกอยู่ในสภาพรวมกัน ทำงานรับใช้ในรูปรวมแล้วลูกจะมีประสบการณ์รูปที่เป็นเทวดานางฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ลูกอยู่กับพ่ออย่างสม่ำเสมอและเป็นเพื่อนร่วมทางของท่านด้วยเช่นกัน ให้มีประสบการณ์ทั้งสองนี้ ในความรักของลูกที่มีต่อพ่อ มีประสบการณ์มิตรร่วมทางของท่านอย่างสม่ำเสมอ และในการทำงานรับใช้ ให้มีประสบการณ์ถึงมิตรร่วมทางของลูกอย่างสม่ำเสมอ