07.12.25    Avyakt Bapdada     Thai Murli     02.02.2008     Om Shanti     Madhuban


ขณะที่ได้สัมผัสกับความสูงส่งและบุคลิกภาพทางจิตวิญญาณผ่านความบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์
จงทำให้รูปของการเป็นนายพระอาทิตย์แห่งความรู้ปรากฏขึ้น


วันนี้ บัพดาดากำลังมองดูครอบครัวของท่านที่มีความสูงส่งและมีบุคลิกภาพในทุกหนแห่ง รากฐานของความสูงส่งและบุคลิกภาพทางจิตวิญญาณคือความบริสุทธิ์ที่สมบูรณ์ สิ่งชี้บอกของความบริสุทธิ์คือมงกุฎแห่งแสงที่เปล่งประกายอยู่เหนือศีรษะของแต่ละคนและบนหน้าผากของแต่ละคน มีเพียงลูกๆในครอบครัวบราห์มินเท่านั้นที่สวมมงกุฎอันเปล่งประกายที่มีความสูงส่งและมีบุคลิกภาพทางจิตวิญญาณ เพราะลูกได้นำความบริสุทธิ์มา อิทธิพลของความบริสุทธิ์ของลูกดวงวิญญาณบราห์มินนั้นเป็นที่รู้กันดีมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ลูกยังจำช่วงเวลาที่คงอยู่ตลอดไปเป็นนิรันดร์ (อนาดิกาล) และช่วงเวลาเริ่มต้น (อดิกาล) ได้หรือไม่? จำได้ไหมว่าในความเป็นนิรันดร์ ลูกผู้เป็นดวงดาวในรูปของดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์นั้นเปล่งประกายด้วยประกายพิเศษ จะมีดวงวิญญาณอื่นๆด้วยเช่นกัน แต่ในขณะที่อยู่กับทุกคน ประกายของลูกผู้เป็นดวงดาวนั้นเปล่งประกายเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับที่มีดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า แต่มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่เปล่งประกายเป็นพิเศษ ลูกทุกคนกำลังมองเห็นตนเองอยู่หรือไม่? ในเวลานั้นของช่วงเวลาในตอนเริ่มต้น ความสูงส่งและบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์ของลูกนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด! ลูกทุกคนได้มาถึงช่วงเริ่มต้นแล้วหรือยัง? ไปที่นั่นในตอนนี้ ตรวจสอบดูสิ: เส้นของฉันมีประกายกี่เปอร์เซ็นต์? ตั้งแต่ช่วงเวลาเริ่มต้นจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ความสูงส่งและบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์ของลูกยังคงอยู่ตลอดเวลา ดวงดาวที่เปล่งประกายของรูปที่คงอยู่ตลอดไปเป็นนิรันดร์อยู่กับพ่อที่เปล่งประกาย จงสัมผัสถึงคุณสมบัติพิเศษของลูกตอนนี้ ลูกทั้งหลายได้มาถึงความเป็นนิรันดร์แล้วหรือยัง? ตลอดทั้งวงจร ความสูงส่งของลูกดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ได้คงอยู่ในรูปต่างๆ เพราะไม่มีใครที่จะกลับมาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์เท่ากับลูกดวงวิญญาณ ลูกดวงวิญญาณพิเศษได้รับสิทธิ์โดยกำเนิดของความบริสุทธิ์จากพ่อ เวลานี้ จงเข้าสู่ช่วงเวลาเริ่มต้น ลูกมองเห็นในความเป็นนิรันดร์ เวลานี้ ในช่วงเริ่มต้น รูปของความสูงส่งของความบริสุทธิ์ของลูกนั้นยิ่งใหญ่ยิ่งนัก! ลูกทั้งหลายได้มาถึงยุคทองแล้วหรือยัง? ลูกได้ไปถึงแล้วหรือยัง? ลูกเคยไปที่นั่นไหม? รูปที่เป็นเทพเป็นรูปที่น่ารักยิ่งนัก ตลอดทั้งวงจร ไม่มีดวงวิญญาณอื่นใดมีความสูงส่งและมีบุคลิกภาพเช่นเดียวกับเหล่าเทพ ลูกกำลังสัมผัสถึงประกายของรูปที่เป็นเทพอยู่ใช่หรือไม่? บุคลิกภาพทางจิตวิญญาณเช่นนี้ ทั้งหมดนี้คือการบรรลุผลของความบริสุทธิ์ เวลานี้ ขณะที่ลูกกำลังสัมผัสรูปที่เป็นเทพของลูก จงไปสู่ช่วงกลาง ลูกได้ไปที่นั่นไหม? การไปที่นั่นและสัมผัสกับรูปนั้นง่ายดายใช่หรือไม่? ดังนั้น ดูสิ แม้กระทั่งในช่วงกลาง เหล่าผู้เลื่อมใสศรัทธาของลูกก็ยังกราบไหว้บูชาลูกดวงวิญญาณที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา พวกเขาสร้างรูปเคารพของลูก พวกเขาสร้างรูปเคารพของลูกขึ้นด้วยความสูงส่งเช่นนั้นและพวกเขาก็กราบไหว้บูชาด้วยความสูงส่งเป็นอย่างมาก ภาพของรูปที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาของลูกได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าลูกแล้วใช่ไหม? ได้มีการสร้างภาพลักษณ์ของธรรมะอาตมา (ดวงวิญญาณผู้ชอบธรรม) และของผู้ก่อตั้งศาสนาและนักแสดงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างระหว่างภาพลักษณ์เหล่านั้นกับภาพลักษณ์ทางจิตวิญญาณและการกราบไหว้บูชาภาพลักษณ์ของลูกที่กระทำอย่างถูกต้อง แล้วรูปที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาของลูกได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าลูกแล้วหรือยัง? โอเค ตอนนี้ จงเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของยุคบรรจบกัน ลูกกำลังฝึกฝนทางจิตวิญญาณนี้อยู่ใช่หรือไม่? จงวนไปรอบวงจรและสัมผัสกับรูปของความบริสุทธิ์และการบรรลุผลพิเศษของลูก ในช่วงสุดท้ายของยุคบรรจบกันนี้ มีเพียงลูกดวงวิญญาณบราห์มินแค่หนึ่งกำมือจากหลายล้านดวงวิญญาณเท่านั้นที่มีโชคของการได้รับการหล่อเลี้ยงจากพระเจ้า ได้รับความรักของพระเจ้า และได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระเจ้า มีเพียงลูกดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่เป็นสิ่งสร้างโดยตรงสิ่งสร้างแรกของพระเจ้าที่ได้รับสิ่งนี้ พร้อมกันนี้ ลูกบราห์มินทั้งหลายยังทำให้ดวงวิญญาณของโลกสามารถได้รับมรดกของการหลุดพ้นจากพ่อด้วย ดังนั้น ตลอดทั้งวงจร ในช่วงเวลาที่คงอยู่ตลอดไปเป็นนิรันดร์ ช่วงเริ่มต้น ช่วงกลาง และช่วงสุดท้าย พื้นฐานของการบรรลุผลที่สูงส่งเช่นนี้คือความบริสุทธิ์ ลูกได้วนไปในทั้งวงจรแล้ว เวลานี้ จงตรวจสอบตนเอง มองดูตนเอง ลูกมีกระจกเพื่อมองดูตัวเองใช่ไหม? ลูกมีกระจกซึ่งมองเห็นตัวเองหรือไม่? ผู้ที่มีกระจก ยกมือขึ้น! ลูกมีกระจกหรือไม่? มันชัดเจนหรือไม่? ดังนั้น จงมองดูในกระจก: ความบริสุทธิ์ของฉันมีกี่เปอร์เซ็นต์? ความบริสุทธิ์ไม่ได้หมายถึงแค่พรหมจรรย์เท่านั้น แต่หมายถึงการเป็นบราห์มา-จารีย์ (ผู้เดินตามรอยเท้าของบราห์มา) ฉันมีความบริสุทธิ์ในความคิด คำพูด การกระทำ ความสัมพันธ์ และสายสัมพันธ์หรือไม่? คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์? ลูกรู้วิธีคำนวณเปอร์เซ็นต์ใช่ไหม? ลูกผู้เป็นครูรู้วิธีคำนวณนี้หรือไม่? ลูกผู้เป็นพันดาวาสรู้หรือไม่? ลูกฉลาดมาก ลูกผู้เป็นแม่รู้หรือไม่? ลูกผู้เป็นแม่รู้หรือไม่? อัจชะ

สิ่งชี้บอกของความบริสุทธิ์ – ตรวจสอบทั้งสามสิ่ง – นั่นคือ ทัศนคติ สายตา และการกระทำของลูก ทัศนคติของความบริสุทธิ์สมบูรณ์: ที่เข้ามาในสติปัญญาของลูกใช่หรือไม่? ลองคิดดูสิ ทัศนคติของความบริสุทธิ์สมบูรณ์คือการมีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ต่อทุกดวงวิญญาณ ลูกมีประสบการณ์แล้วใช่ไหม? แล้วสายตาของลูกจะเป็นอย่างไร? คือการเห็นทุกดวงวิญญาณในรูปของดวงวิญญาณ คือการพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กันในสำนึกรู้ของการมีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณ บาบากำลังบอกลูกสั้นๆ ลูกสามารถให้คำบรรยายในรายละเอียดได้ ในการกระทำหมายถึงการได้รับความสุขและให้ความสุขด้วยการกระทำของลูก ตรวจสอบสิ่งนี้: ทัศนคติ สายตา และการกระทำของฉันสอดคล้องกับสิ่งนี้หรือไม่? จงรับความสุข อย่ารับความทุกข์ ดังนั้น ตรวจสอบดูว่า: บางครั้งฉันก็รับความทุกข์หรือไม่? บางครั้ง บางทีลูกก็รับความทุกข์บ้างเล็กน้อยหรือไม่? แน่นอนว่ามีคนที่ทำให้เกิดความทุกข์ ตัวอย่างเช่น หากมีใครทำให้ลูกเป็นทุกข์ ลูกต้องทำตามคนนั้นไหม? ลูกต้องทำตามคนนั้นหรือไม่? ลูกต้องทำตามใคร? ทำตามคนที่ทำให้ลูกทุกข์หรือทำตามพ่อ? นั่นใช้กับผู้ที่ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว แต่พ่อบราห์มารับความทุกข์จากลูกคนใดหรือไม่? ท่านให้ความสุขและได้รับความสุข ฉันกำลังทำตามพ่อหรือไม่? หรือบางครั้งฉันรู้สึกว่าฉันต้องรับมันหรือไม่? การที่ใครสักคนทำให้ลูกเป็นทุกข์หรือดูหมิ่นลูกนั้นเรียกว่าความทุกข์ ลูกรู้ดีว่าการที่ใครสักคนดูหมิ่นลูกนั้นไม่ดี ลูกคิดว่ามันดีหรือไม่เมื่อมีคนมาดูหมิ่นลูก? ลูกรู้สึกว่ามันไม่ดีใช่ไหม? ดังนั้น คนๆนั้นจึงทำให้ลูกเป็นทุกข์หรือดูหมิ่นลูก ดังนั้น เมื่อมีใครบางคนให้สิ่งที่ไม่ดีแก่ลูก ลูกจะรับสิ่งนั้นไหม? ลูกรับหรือไม่? ลูกรับเพียงช่วงเวลาสั้นๆหรือไม่? บางทีอาจจะไม่นาน แต่ลูกรับเพียงช่วงเวลาสั้นๆหรือไม่? ลูกต้องรับสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่? แล้วทำไมลูกถึงยอมรับความทุกข์หรือการดูหมิ่นนั้น นั่นคือ ทำไมลูกถึงเก็บมันไว้ในจิตใจในรูปของความรู้สึกไม่ดี ดังนั้นจงถามตนเองว่า ฉันกำลังรับความทุกข์อยู่หรือไม่? หรือฉันมองเห็นความทุกข์นั้นในรูปของการเปลี่ยนแปลง? ลูกผู้ที่นั่งอยู่ในแถวแรกคิดว่าอย่างไร: การรับความทุกข์นั้นถูกต้องหรือไม่? ลูกผู้มาจากมธุบันการรับความทุกข์นั้นถูกต้องหรือไม่? ลูกควรรับมันไว้สักเล็กน้อยหรือไม่? ลูกผู้อยู่ในแถวแรก ลูกควรรับความทุกข์นั้นหรือไม่? ลูกไม่ควรรับมัน แต่ลูกรับมันไว้ ลูกรับมันไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วใครเล่าจะทุกข์ระทมกับความรู้สึกเป็นทุกข์นั้น? หากลูกเก็บขยะไว้ในจิตใจ แล้วใครจะทุกข์ระทม? ที่ไหนมีขยะคนนั้นก็กลับมาทุกข์ระทม ดังนั้น ณ เวลานั้น จงนำความสูงส่งและบุคลิกภาพของลูกมาปรากฏต่อหน้าลูก แล้วลูกควรมองตัวเองในรูปใด? ลูกรู้หรือไม่ว่าสมญาของลูกคืออะไร? สมญาของลูกคือ: เทพีแห่งความอดทน, เทพเจ้าแห่งความอดทน แล้วลูกคือใคร? ลูกเป็นเทพีและเทพเจ้าแห่งความอดทนหรือไม่? ลูกเป็นเช่นนั้นหรือไม่? บางครั้งลูกก็เป็นเช่นนั้น จงจำตำแหน่งของลูกไว้ จำความเคารพในตนเองไว้ ฉันคือใคร? นำสิ่งนี้มาสู่สำนึกรู้ของลูก นำรูปพิเศษของทั้งวงจรมาสู่สำนึกรู้ของลูก ลูกจำสิ่งนี้ได้ใช่ไหม?

บัพดาดาได้เห็นแล้วว่าลูกได้เปลี่ยนคำว่า "ของฉัน" ด้วยการมีการจดจำระลึกถึงที่ง่ายดาย ดังนั้น เพื่อหลอมรวมการขยายตัวของคำว่า "ของฉัน" ลูกจะพูดว่าอะไร? "บาบาของฉัน" เมื่อใดก็ตามที่มีจิตสำนึกของ "ของฉัน" ลูกก็จะหลอมรวมทุกสิ่งด้วยการพูดว่า "บาบาของฉัน" แล้วด้วยการพูดว่า "บาบาของฉัน" ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การจดจำระลึกถึงก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายและมีการบรรลุผลที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ในทำนองเดียวกัน เมื่อมีปัญหาหรือเหตุผลใดๆเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน เหตุผลโดยเฉพาะของสิ่งนั้นก็คือคำสองคำนี้: "ฉัน" และ "ของฉัน" ดังนั้น ด้วยการพูดว่า"บาบา" คำว่า"ของฉัน"จึงกลายเป็น "พักก้า" (มั่นคง) มันกลายเป็นพักก้าแล้วใช่ไหม? เวลานี้ ลูกทุกคนไม่ได้พูดว่า "บาบา บาบา" แต่ลูกพูดว่า "บาบาของฉัน" ในทำนองเดียวกัน เพื่อที่จะเปลี่ยนคำว่า"ฉัน" เมื่อใดก็ตามที่ลูกพูดคำว่า "ฉัน" จงนำรายการของรูปของความเคารพตนเองของลูกมาไว้ข้างหน้าลูก ฉันคือใคร? คำว่า "ฉัน" สามารถเป็นเครื่องมือที่ทำให้ลูกตกต่ำลงมาได้ แต่เมื่อลูกตระหนักถึงความเคารพตนเอง คำว่า "ฉัน" ก็สามารถยกระดับลูกให้สูงส่งขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เช่นเดียวกับที่ลูกได้มีการฝึก "บาบาของฉัน" ในทำนองเดียวกัน สำหรับคำว่า "ฉัน" แทนที่จะมีสำนึกรู้ของจิตสำนึกที่เป็นร่าง จงนำความเคารพตนเองที่สูงส่งของลูกมาไว้เบื้องหน้า: "ฉันคือดวงวิญญาณที่สูงส่ง ฉันคือดวงวิญญาณที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ฉันคือดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก" ด้วยวิธีนี้ จงเชื่อมโยงความเคารพตนเองประเด็นใดประเด็นหนึ่งเข้ากับคำว่า "ฉัน" แล้วคำว่า "ฉัน" จะกลายเป็นหนทางแห่งความก้าวหน้า เช่นเดียวกับที่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว คำว่า "ของฉัน" เตือนให้ลูกนึกถึงคำว่า "บาบา" ในทำนองเดียวกัน จงให้คำว่า "ฉัน" เตือนให้ลูกนึกถึงความเคารพตนเอง เพราะขณะนี้เวลากำลังท้าทายลูกด้วยวัตถุธาตุ

อย่าคิดว่าเวลาที่ใกล้เข้ามาเป็นเรื่องธรรมดา ในชีวิตคาร์มาโยคีของลูก ให้เก็บคำพูดของทันทีทันใดและพร้อมเสมอไว้ในความตระหนักรู้ของลูกในทุกขณะ จงทดลองกับตัวเองในรูปแบบต่างๆด้วยพลังของความสงบของลูก เช่นเดียวกับที่วิทยาศาสตร์ยังคงมีการทดลองใหม่ๆมากมายอยู่เรื่อยๆ ยิ่งลูกฝึกฝนการทดลองกับตนเองอยู่เรื่อยๆมากเท่าไหร่ ลูกก็จะยิ่งฝึกฝนการทดลองกับผู้อื่นด้วยพลังแห่งความสงบอยู่เรื่อยๆมากขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้ จงกระจายกระแสแห่งพลัง (สะกาช) ของลูกออกไปในทุกหนแห่ง วัตถุธาตุของลูก พลังของดวงอาทิตย์ และลำแสงของดวงอาทิตย์ กำลังดำเนินงานของเขาในหลากหลายวิธี พวกเขาทำให้ฝนตก และทำให้น้ำแห้งด้วย มันแสดงให้เห็นสิ่งนี้โดยการเปลี่ยนกลางวันให้เป็นกลางคืน และกลางคืนให้เป็นกลางวัน ดังนั้น ลูกไม่สามารถแผ่กระแสพลังของลูกออกไปสู่บรรยากาศได้หรือ? ด้วยการใช้กระแสพลังของลูก ลูกไม่สามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณจากความทุกข์และความไม่สงบได้หรือ? จงทำให้รูปของพระอาทิตย์แห่งความรู้ของลูกปรากฏออกมา กระจายลำแสงของลูก แผ่กระแสนั้นออกไป ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้ง ดวงวิญญาณมากมายได้สัมผัสประสบการณ์ในขณะที่นั่งอยู่ที่บ้าน ได้รับกระแสแห่งความสุขและความสงบจากบัพดาดา พวกเขาได้รับความคิดว่า “ไปที่นั่นสิ! ในทำนองเดียวกัน เวลานี้ ผ่านลูกๆทั้งหลาย ลูกผู้เป็นนายพระอาทิตย์แห่งความรู้ ขอให้มีประสบการณ์ของคลื่นแห่งความสุขและความสงบแผ่กระจายออกไป อย่างไรก็ตาม วิธีการที่จะทำเช่นนั้นได้คือ การมีสมาธิจดจ่อของจิตใจ สมาธิจดจ่อในการจดจำระลึกถึง และแล้วเมื่อนั้นมันจึงจะเกิดขึ้น จงเพิ่มพลังสมาธิในตัวลูกเอง ลูกจำเป็นต้องมีสมาธิของจิตจิตได้เมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการ อย่างไรก็ตามที่ลูกต้องการ และนานเท่าใดก็ตามที่ลูกต้องการ เวลานี้ จงทำให้รูปของการเป็นนายพระอาทิตย์แห่งความรู้ของลูกปรากฏขึ้น และกระจายลำแสงแห่งพลังหรือกระแสพลังออกมา

บัพดาดาได้ยินและรู้สึกยินดีที่ลูกๆกำลังทำงานรับใช้ที่ดีมากในสถานที่ต่างๆด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้น บัพดาดาได้รับข่าวสารการทำงานรับใช้ที่ดีมากจากทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางนิทรรศการ จดหมายข่าว หรือโทรทัศน์ ลูกก็กำลังเดินหน้าต่อไปในการให้สารนั้น สารนั้นไปถึงพวกเขา ลูกทำได้ดีมากในการให้สาร ในหมู่บ้านที่ยังคงเหลืออยู่เช่น แต่ละโซนกำลังเพิ่มงานรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง ผ่านทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และด้วยวิธีอื่นๆอีกมากมาย ลูกกำลังทำสิ่งนี้ด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้น บัพดาดากำลังแสดงความยินดีด้วยความรักมากมายและเต็มไปด้วยพรแก่ลูกๆทุกคนที่กำลังทำเช่นนั้น เวลานี้ มีความจริงจังและความกระตือรือร้นในการให้สารเป็นอย่างมาก และเสียงที่บอกว่า "บราห์มากุมารีเป็นใคร และพวกเขากำลังดำเนินงานอย่างทรงพลังมาก" กำลังแพร่กระจายไปทุกหนแห่งเป็นอย่างดี และมันกำลังเพิ่มมากขึ้น แต่! บาบาควรจะบอกลูกหรือไม่ว่าอะไร? เวลานี้ เสียงที่ควรจะดังเพิ่มขึ้นคือ "บาบาแห่งบราห์มากุมารีดีมากเหลือเกิน!" บราห์มากุมารีกำลังทำงานที่ดี แต่เวลานี้จะต้องมีการเปิดเผยแล้วว่าใครเป็นผู้ทำให้พวกเขาทำสิ่งนี้ สิ่งนี้ต้องเปิดเผยเวลานี้ ให้ข่าวที่ว่าพ่อได้มาถึงจิตใจของพวกเขาแล้ว วางแผนสำหรับสิ่งนี้

ลูกบางคนถามบัพดาดาว่า: ใครที่ท่านจะเรียกได้ว่าเป็นทายาทหรือ"ไมค์"? ดวงวิญญาณ"ไมค์"ได้ปรากฏขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ตามเวลาในเวลาปัจจุบัน บัพดาดาต้องการไมค์และมีความจำเป็นสำหรับไมค์เช่นนั้นซึ่งคำพูดของเขามีอิทธิพลเช่นนั้น เมื่อคนธรรมดาทั่วไปพูดคำว่า "บาบา" นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยลูกก็มาถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้น บัพดาดาจึงขอแสดงความยินดีกับลูกสำหรับสิ่งนั้น แต่ตอนนี้ไมค์เช่นนั้นที่ผู้คนให้คุณค่ากับเสียงของเขานั้นเป็นที่ต้องการ พวกเขาต้องมีชื่อเสียงมาก ชื่อเสียงไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีตำแหน่งที่สูง แต่เมื่อผู้คนได้ยินคำพูดของพวกเขา พวกเขาควรเข้าใจได้ว่าคนที่พูดนั้นมีคุณค่าในคำพูดของเขา หากคนนั้นพูดจากประสบการณ์ของเขา มันก็จะมีคุณค่า มีไมค์มากมาย แต่บางไมค์ก็มีพลังระดับหนึ่ง และบางไมค์ก็มีพลังในระดับที่แตกต่างกัน ในทำนองเดียวกัน จงมองหาไมค์เช่นนั้นที่คำพูดของเขามีพลังนั้น โดยการได้ยินคำพูดของเขา ให้ผู้คนเข้าใจว่าเขามาโดยมีประสบการณ์ และต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน ดังนั้น ในเวลาปัจจุบัน ดวงวิญญาณไมค์จึงได้ปรากฏขึ้นในทุกโซนและทุกวิงอย่างแน่นอน บัพดาดาไม่ได้บอกว่าไม่มีผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดจากงานรับใช้ที่ได้ทำไปแล้ว มันมีผลลัพธ์เช่นนั้น แต่ตอนนี้เวลามันสั้นมาก และลูกต้องทำให้ดวงวิญญาณที่มีความสำคัญในงานรับใช้และมีเสียงที่มีคุณค่าเหล่านั้นเป็นเครื่องมือ พวกเขาอาจไม่มีสถานภาพ แต่ชีวิตจริงในทางปฏิบัติของพวกเขาควรเป็นชีวิตที่มีอำนาจของประสบการณ์ในทางปฏิบัติ ให้คำพูดของพวกเขามีอำนาจของประสบการณ์ ลูกเข้าใจไหมว่าไมค์ประเภทไหนที่จำเป็น? ลูกรู้เกี่ยวกับทายาทอยู่แล้ว นั่นคือ ผู้ที่มีพ่อและงานของพ่อในทุกลมหายใจและในทุกย่างก้าวของพวกเขา พร้อมกันนั้น ในความคิด คำพูด และการกระทำ ร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สมบัติ พวกเขามีเพียงบาบาและยักย่าที่หลอมรวมอยู่ในตัวพวกเขา จงให้งานรับใช้ที่ไม่มีขีดจำกัดหลอมรวมอยู่ในตัวพวกเขา ให้พวกเขามีพลังในการให้กระแส อัจชะ

ตอนนี้ ในหนึ่งวินาที มันเป็นหนึ่งวินาทีใช่ไหม? ในหนึ่งวินาที ทั้งชุมนุม และไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ใด จงทำให้จิตใจของลูกมั่นคงในความคิดเดียวว่า พ่อและฉันคือจุดแห่งแสงที่คงอยู่ตลอดไปในดินแดนสูงสุด นั่งกับพ่อในในดินแดนสูงสุด อัจชะ ตอนนี้จงกลับคืนสู่ร่างที่มีตัวตน

ตอนนี้ สำหรับเวลาปัจจุบัน จงฝึกสมาธิและสติปัญญา ไม่ว่าลูกจะดำเนินงานใด ให้จิตใจของลูกมีสมาธิจดจ่อในขณะที่ทำงานนั้น เพิ่มพลังในการควบคุมให้มากขึ้น มีพลังในการควบคุมเหนือจิตใจ สติปัญญา และซันสการ์ของลูก การฝึกฝนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในเวลาที่จะมาถึง ตามบรรยากาศ ลูกจะต้องควบคุมในหนึ่งวินาที เพื่อให้สิ่งที่ลูกต้องการให้เกิดขึ้นได้เกิดขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การฝึกฝนนี้จึงสำคัญที่สุด อย่ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะการฝึกฝนนี้จะทำให้ช่วงเวลาสุดท้ายสวยงามในเวลาที่ถูกต้อง อัจชะ

ถึงลูกทุกคนที่นั่งบนบัลลังก์ทั้งสอง: ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์หัวใจของบัพดาดา และผู้ที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ของอาณาจักรโลก ถึงผู้ที่อยู่อย่างมั่นคงอยู่เสมอในรูปที่คงอยู่ตลอดไป ในรูปดั้งเดิม ในรูปของช่วงกลาง และในรูปสุดท้าย เมื่อใดก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ถึงผู้ที่ใช้สมบัติที่มีค่าทั้งหมดเพื่อตนเองและเติมเต็มสมบัติที่มีค่าทั้งหมดให้ผู้อื่น ถึงผู้ที่ทำให้ดวงวิญญาณทั้งหลายได้รับมรดกของการหลุดพ้นจากพ่อ ถึงดวงวิญญาณที่มีค่าควรแก่การได้รับความรักของพระเจ้า ความรักระลึกถึงของบัพดาดา พรจากหัวใจ และนมัสเต

พร:
ขอให้ลูกกลายเป็นตัวของความสำเร็จอยู่เสมอ โดยได้สัมผัสถึงการเป็นมิตรร่วมทางและผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง

ลูกที่อยู่กับพ่ออยู่เสมอจะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางโดยอัตโนมัติ เพราะพ่อเองเล่นบทบาทของท่านอย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ดังนั้น ผู้ที่อยู่กับท่านก็จะเล่นบทบาทของพวกเขาอย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และผู้ที่มีพ่อผู้ทรงอำนาจเป็นมิตรร่วมทางของพวกเขาก็จะกลายเป็นตัวแห่งความสำเร็จโดยอัตโนมัติ บนหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา พวกเขาร้องเรียกหาท่านเพื่อที่จะสัมผัสประสบการณ์กับการเป็นมิตรร่วมทางของท่านในช่วงระยะเวลาสั้นๆและเพื่อเห็นท่านเพียงแวบเดียว แต่ลูกได้กลายเป็นมิตรร่วมทางของท่านในทุกความสัมพันธ์ ดังนั้น จงรักษาความสุขและความซาบซึ้งที่ลูกได้บรรลุถึงสิ่งที่ลูกต้องการ

คติพจน์:
สิ่งชี้บอกของการมีความคิดที่ไร้สาระคือจิตใจที่เศร้าหมองและความสุขของลูกก็หายไป

สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: เวลานี้ให้มีความใส่ใจอย่างลึกล้ำที่จะกลับมาสมบูรณ์พร้อมและอยู่เหนือบ่วงกรรม

จงอยู่อย่างไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน ปราศจากอุปสรรค ปราศจากบ่วงพันธะ และปราศจากความคิดและการกระทำที่เป็นบาป ซึ่งหมายความว่า จงเป็นผู้ที่ไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลส และไม่มีความหลงทะนงตนเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน แล้วเมื่อนั้นเท่านั้นที่ลูกจึงจะสามารถกลับมาอยู่เหนือบ่วงกรรมได้ ไม่ว่าลูกจะขยายงานรับใช้ออกไปมากเพียงใด ขณะที่กำลังขยายตัวอยู่นั้น อย่าปล่อยให้การอยู่ในสภาพของสาระนั้นลดน้อยลงไป อย่าลืมสาระในการขยายตัวนั้น กิน ดื่ม ทำงานรับใช้ แต่อย่าลืมที่จะละวาง