15.06.25 Avyakt Bapdada Thai Murli
30.11.2005 Om Shanti Madhuban
เนื่องจากเวลาใกล้เข้ามาแล้ว จงปลดปล่อยตนเองจากบ่วงพันธะที่มีขีดจำกัด
และกลับมาสมบูรณ์และทัดเทียม
วันนี้ บาบาได้เห็นลูกๆที่สมบูรณ์และทัดเทียมในทุกหนแห่ง
มีเพียงลูกๆที่ทัดเทียมเท่านั้นที่หลอมรวมอยู่ในหัวใจของพ่อ
คุณสมบัติพิเศษของลูกๆที่ทัดเทียมคือพวกเขาเป็นอิสระจากอุปสรรค
เป็นอิสระจากความคิดที่เป็นบาป และมีความถ่อมตนและบริสุทธิ์อยู่เสมอ
ดวงวิญญาณเช่นนี้เป็นอิสระอยู่เสมอ
พวกเขาไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยบ่วงพันธะที่มีขีดจำกัดใดๆ ดังนั้น จงถามตนเองว่า:
ลูกกลายเป็นดวงวิญญาณที่มีอิสระที่ไม่มีขีดจำกัดเช่นนี้หรือไม่?
อิสระประการแรกคืออิสระจากจิตสำนึกที่เป็นร่างของลูก –
ที่จะรับการค้ำจุนจากร่างกายของลูกเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการ
และกลับมาละวางจากร่างกายของลูกเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการ อย่าให้ร่างกายดึงดูดลูก
ประการที่สอง
ดวงวิญญาณที่เป็นอิสระจะไม่อยู่ในบ่วงพันธะของธรรมชาติหรือซันสการ์เก่าใดๆ
พวกเขาจะเป็นอิสระจากธรรมชาติและซันสการ์เก่าของพวกเขา พร้อมกันนั้น
พวกเขาจะไม่ถูกดึงดูดเข้าไปหาผู้มีชีวิตทางร่างกายใดๆในความสัมพันธ์และในสายใยของพวกเขา
ในขณะที่มีความสัมพันธ์และสายใยนั้น พวกเขาจะละวางและมีความรัก ดังนั้น
ให้ตรวจสอบตนเองว่ามีอวัยวะเล็กๆใดที่ผูกมัดลูกไว้ในบ่วงพันธะหรือไม่?
จดจำความเคารพตนเองไว้ ลูกคือผู้ทรงอำนาจ ตรีกาลดาชิ ตรีเนตร และสวาดาชานจักรดารี
บนพื้นฐานของความเคารพตนเองนั้น
อวัยวะทางร่างกายใดสามารถดึงดูดลูกของผู้ทรงอำนาจได้หรือไม่?
ในขณะที่มองเห็นเวลาที่ใกล้เข้ามา ให้ตรวจสอบตนเองว่า
ลูกสามารถเป็นอิสระจากบ่วงพันธะทั้งหมดภายในหนึ่งวินาทีได้หรือไม่?
บ่วงพันธะเช่นนั้นยังคงอยู่หรือไม่?
ข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติในการสอบผ่านข้อสอบสุดท้ายและกลายเป็นดวงวิญญาณอันดับหนึ่งคือ
การสามารถที่จะจดจ่อจิตใจและสติปัญญาของลูกได้ที่ใดก็ตามที่ลูกต้องการในหนึ่งวินาที
และไม่ขึ้นๆลงๆ ตัวอย่างเช่น
ลูกสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามที่ลูกต้องการด้วยร่างกายของลูกใช่หรือไม่?
ในทำนองเดียวกัน
ลูกสามารถทำให้ตนเองมั่นคงในสภาพที่ลูกต้องการด้วยสติปัญญาของลูกได้หรือไม่?
เช่นเดียวกับที่ทางวิทยาศาสตร์ที่ประภาคารแสงหรือบ้านแห่งพลังเริ่มที่จะให้แสงหรือพลังในทุกหนแห่งในหนึ่งวินาทีทันทีที่ลูกเปิดสวิตช์ของมัน
ในทำนองเดียวกัน เมื่อลูกเปิดสวิตช์ของความคิดของสำนึกรู้
ลูกสามารถกลายเป็นประภาคารแห่งแสงและบ้านแห่งพลัง
และให้แสงและพลังแก่ดวงวิญญาณได้หรือไม่?
เมื่อลูกได้รับคำสั่งให้กลับมาปราศจากร่างในหนึ่งวินาที
ลูกจะกลายเป็นสิ่งนั้นใช่หรือไม่? หรือลูกจะต้องต่อสู้รบรา?
การฝึกฝนนี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานจะเป็นประโยชน์อย่างมาก
หากไม่ได้มีการฝึกฝนเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
ลูกจะต้องใช้ความเพียรพยายามเพื่อที่จะกลับมาปราศจากร่างในเวลานั้น
เหตุนี้เองบัพดาดาจึงส่งสัญญาณนี้ให้แก่ลูก: ในขณะที่ทำการกระทำต่างๆตลอดทั้งวัน
ให้ฝึกฝนสิ่งนี้ด้วย ต้องใช้พลังในการควบคุมจิตใจเพื่อสิ่งนี้
หากจิตใจของลูกอยู่ภายใต้การควบคุมของลูก
อวัยวะทางร่างกายของลูกจะไม่สามารถมีอิทธิพลต่อลูกได้
เวลานี้ทุกดวงวิญญาณต้องการพรของพลังจากลูก
ดวงวิญญาณทั้งหลายมีความปรารถนาอันบริสุทธิ์ต่อลูกดวงวิญญาณผู้ทรงอำนาจ: "โดยไม่ต้องให้เราพยายามใดๆ
ปลดปล่อยเราด้วยพรของท่าน ดริชตีของท่าน และกระแสจิตของท่าน"
เวลานี้ทุกคนเหนื่อยล้าจากความลำบากตรากตรำแล้ว
ลูกทุกคนเป็นอิสระจากความลำบากตรากตรำแล้วใช่หรือไม่?
หรือลูกยังต้องลำบากตรากตรำอยู่จนถึงตอนนี้? ก่อนหน้านี้
ลูกได้รับการบอกว่าวิธีที่ง่ายดายในการเป็นอิสระจากความลำบากตรากตรำคือการรักพ่ออย่างสุดหัวใจ
ลูกดวงวิญญาณบราห์มินทั้งหลายได้ให้สัญญาในช่วงเวลาที่ลูกถือกำเนิดมา
ลูกจำสัญญานั้นได้ไหม? เมื่อพ่อทำให้ลูกเป็นของท่าน และให้ลูกก็เกิดมาเป็นบราห์มิน
สัญญาที่ลูกทุกคนให้ไว้สำหรับชีวิตบราห์มินของลูกคืออะไร?
เป็นของพ่อผู้เดียวและไม่มีใครอื่น ลูกจำสัญญาของลูกได้ไหม? จำได้ไหม?
ลูกพยักหน้าเห็นด้วย โอเค ลูกกำลังโบกมือของลูก
ลูกจำมันได้อย่างมั่นคงหรือบางครั้งลูกลืมมันไป? ดูสิ
ลูกกลายเป็นผู้ที่หลงลืมไปเป็นเวลา 63 ชาติเกิดแล้ว ในขณะที่ในหนึ่งชาติเกิดนี้
ลูกกลายเป็นตัวของการจดจำระลึกถึง ดังนั้นพ่อจึงถามลูกๆว่า
ลูกจดจำคำสัญญาในวัยเด็กของลูกได้หรือไม่?
ท่านได้ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากสำหรับลูก โลกอยู่ในพ่อ
ลูกมีทุกความสัมพันธ์กับพ่อผู้เดียว ลูกได้รับการบรรลุผลทั้งหมดจากพ่อผู้เดียว
มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่สอนลูกและคอยหล่อเลี้ยงลูก
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในท่านผู้เดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นครอบครัว ครอบครัวของพระเจ้า
ก็เป็นครอบครัวของพ่อผู้เดียวเช่นกัน ไม่ใช่ครอบครัวของพ่อที่แตกต่างกัน
แต่เป็นครอบครัวเดียวเท่านั้น ในครอบครัวเช่นกัน ลูกมีความรักทางจิตวิญญาณต่อกัน
ไม่ใช่แค่ความรัก มันคือความรักทางจิตวิญญาณ
บัพดาดากำลังเตือนลูกถึงคำสัญญาที่ลูกให้ไว้เมื่อลูกถือกำเนิดมา
ลูกได้ให้คำสัญญาอะไรอีกไหม?
ทุกคนพูดกับพ่อจากหัวใจด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้นว่า ทุกสิ่งเป็นของท่าน
ร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สมบัติเป็นของท่าน สิ่งใดก็ตามที่ลูกได้ให้แก่พ่อ
ท่านได้มอบสิ่งนั้นไว้กับลูกเพื่อใช้ในงานนั้น ลูกให้สิ่งเหล่านั้นแก่พ่อ
ลูกได้ให้สิ่งนั้นแล้วใช่หรือไม่? หรือลูกนำกลับคืนมาเล็กน้อย?
เมื่อลูกนับกลับคืนมา นั่นคือการไม่ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ได้มอบไว้ให้แก่ลูก
ลูกบางคนพูดในการสนทนาจากใจถึงใจว่า "จิตใจของฉันทุกข์ระทม" "จิตใจของฉัน"มาจากไหน?
เมื่อลูกได้อุทิศ "ของฉัน" ให้เป็น “ของท่าน” แล้ว "จิตใจของฉัน" มาจากไหน?
ลูกทุกคนกลายเป็นจักรพรรดิที่ไม่มีแม้แต่เปลือกหอย ตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นของลูกแล้ว
ลูกไม่มีเปลือกหอยแต่ลูกก็กลายเป็นจักรพรรดิได้ เพราะเหตุใด?
สมบัติที่มีค่าของพ่อได้กลายเป็นสมบัติที่มีค่าของลูก
และดังนั้นลูกจึงเป็นจักรพรรดิใช่หรือไม่?
สมบัติที่มีค่าของพระเจ้าคือสมบัติที่มีค่าของลูกๆ
ดังนั้นบัพดาดาจึงเตือนลูกถึงคำสัญญาของลูก อย่าทำให้ "ของท่าน" กลายเป็น "ของฉัน"
พ่อพูดว่า: ในเมื่อพ่อได้ทำให้ลูกเจริญรุ่งเรืองด้วยสมบัติที่มีค่าของพระเจ้า
ท่านจึงรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ด้วยคำพูดไหน? "จงจดจำฉัน
แล้วลูกมีสิทธิ์ที่จะได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด เพียงแค่จดจำฉัน" แล้วลูกก็พูดว่า
"ฉันเป็นของท่านและท่านก็เป็นของฉัน" นี่คือคำสัญญาใช่หรือไม่? ดังนั้นพ่อจึงพูดว่า:
จงใช้สมบัติที่มีค่าเหล่านี้เพื่อตัวลูกเองและเพื่อดวงวิญญาณทั้งหมด
ยิ่งลูกใช้สมบัติที่มีค่าเหล่านี้มากเท่าไหร่
สมบัติที่มีค่าก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ลูกมีสมบัติที่มีค่าของพลังทั้งหมด
ดังนั้นจงใช้พลังทั้งหมด อย่าเพียงแค่เก็บความรู้นี้ไว้ในสติปัญญาของลูกว่า "ฉันเป็นผู้ทรงอำนาจ"
แต่จงใช้พลังทั้งหมดเพื่อทำงานรับใช้ตามเวลา
ในชาร์ทของลูกๆส่วนใหญ่ บัพดาดาได้เห็นว่า หากลูกจดจำสองพลังได้
และใช้พลังเหล่านั้นในเวลาที่ถูกต้อง ลูกจะอยู่อย่างเป็นอิสระจากอุปสรรคใดๆเสมอ
แล้วอุปสรรคก็จะไม่กล้าเข้ามาอยู่เบื้องหน้าลูก นี่คือการรับประกันจากพ่อ
อันที่จริงแล้ว ลูกต้องใช้พลังทั้งหมด แต่เห็นได้ว่าในส่วนใหญ่
พลังของความอดทนและพลังของการตระหนักรู้เป็นสิ่งจำเป็น ลูกตระหนักรู้ทุกสิ่ง
แต่มีความเอาใจใส่น้อยในการนำมาใช้ในรูปปฏิบัติ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อลูกตระหนักรู้ ใบหน้าและพฤติกรรมของลูกจึงเปลี่ยนไป
ลูกมีความจริงจังและความกระตือรือร้นอย่างมาก "ใช่ ฉันตระหนักรู้แล้ว"
แต่แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น? ลูกทุกคนล้วนมีประสบการณ์ในสิ่งนี้ใช่หรือไม่?
แล้วเกิดอะไรขึ้น?
มีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในการนำสิ่งนั้นมาใช้ในรูปของลูกในทุกขณะ
เพราะลูกต้องกลายเป็นตัวของสิ่งนั้นที่นี่
การรู้บางสิ่งด้วยสติปัญญาของลูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม
มีความจำเป็นที่จะต้องนำสิ่งนั้นมาใช้ในรูปของลูก
บางครั้งบัพดาดารู้สึกเมตตาต่อลูกบางคน พ่อเข้าใจว่าลูกไม่สามารถใช้ความพยายามได้
และดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้ลูกทำสิ่งนั้น พ่อก็ต้องการที่จะทำสิ่งนั้นแทน
อย่างไรก็ตามความลับของละครคือ ผู้ใดทำสิ่งใดก็ย่อมได้รับผลของสิ่งนั้นกลับมา
เหตุนี้เองแม้ว่าบัพดาดาจะให้ความร่วมมือแน่นอน
แต่ก็ยังคงเป็นลูกๆที่จะต้องลงมือทำอยู่ดี
บัพดาดาได้เห็นว่าลูกบางคนมีความคิดที่ดีมาก ในเวลาอมฤต
บัพดาดาได้รับพวงมาลัยของความคิดที่ดีมากมาย “ฉันจะทำสิ่งนี้ ฉันจะทำสิ่งนั้น
ฉันจะทำอีกสิ่งหนึ่ง…” แม้แต่บัพดาดาก็รู้สึกยินดีและพอใจ: ว้า! ลูกๆ ว้า!
แล้วทำไมลูกถึงกลับมาอ่อนแอเมื่อต้องทำสิ่งนั้น?
จะเห็นได้ว่าสาเหตุสำหรับสิ่งนั้นก็คือบรรยากาศในชุมนุมของครอบครัวบราห์มิน
ในบางกรณี บรรยากาศก็อ่อนแอ และนั่นก้ส่งผลกระทบต่อลูกอย่างรวดเร็ว
บาบาควรบอกลูกไหมว่าภาษาของพวกเขาเป็นอย่างไร? แล้วภาษาของพวกเขาก็อ่อนหวานมาก
ภาษาของพวกเขาคือ “สิ่งนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา สิ่งนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว…”
ลูกควรมีความคิดอย่างไรในเวลาเช่นนั้น? เมื่อลูกคิดว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้น
สิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป...” มันทำให้เกิดความประมาทไม่ระมัดระวัง ดังนั้น
ในเวลานั้น ลูกต้องเปลี่ยนภาษานั้น “คำสั่งของพ่อคืออะไร? พ่อชอบอะไร?
สิ่งที่พ่อชอบคืออะไร? พ่อเคยพูดอย่างนี้หรือไม่? ท่านทำอย่างนี้หรือไม่?”
เมื่อลูกจดจำระลึกถึงพ่อ ความประมาทความไม่ระมัดระวังก็จะจบสิ้นลง
และจะมีความจริงจังและความกระตือรือร้น ความประมาทความไม่ระมัดระวังมีหลายประเภท
ควรมีคลาสเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบรรดาลูกๆเอง ทำรายการขึ้นมา
ประเภทที่หนึ่งคือความประมาทความไม่ระมัดระวังที่ธรรมดา
และอีกประเภทหนึ่งคือความประมาทความไม่ระมัดระวังในรูปที่สูงส่ง ดังนั้น
ความประมาทความไม่ระมัดระวังจึงไม่ปล่อยให้มีความมุ่งมั่น
และความมุ่งมั่นเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ
ด้วยเหตุนี้สิ่งนี้จึงยังคงอยู่ในความคิดของลูกและไม่กลายเป็นรูปของลูก
ดังนั้น วันนี้ลูกได้ยินอะไร?
ลูกก็ได้รับการเตือนให้นึกถึงคำสัญญาของลูกแล้วใช่หรือไม่?
ลูกให้คำสัญญาที่ดีเช่นนั้นที่แม้แต่บัพดาดาก็พอใจเมื่อได้ยินคำสัญญานั้น
อย่างไรก็ตามลูกไม่ได้รับคุณประโยชน์มากเท่ากับคำสัญญาที่ลูกให้ ดังนั้น
นี่คือสิ่งที่บัพดาดาต้องการ ลูกถามว่าบัพดาดาต้องการอะไรจากลูกใช่หรือไม่?
นี่คือสิ่งที่บัพดาดาต้องการ: จงกลับมาพร้อมเสมอก่อนเวลา เวลาไม่ควรเป็นนายของลูก
ลูกเป็นนายของเวลา
ดังนั้นบัพดาดาจึงต้องการให้ลูกๆกลับมาสมบูรณ์ก่อนเวลาและได้รับการเปิดเผยกับพ่อบนเวทีโลก
ลูกใหม่ๆที่มาพบบาบา ยกมือขึ้น! ยกมือขึ้นสูงๆ! โอเค
บัพดาดารู้สึกยินดีที่ได้เห็นลูกใหม่ๆ
ลูกที่มีโชคมาที่นี่เพื่อประกาศสิทธิ์ในโชคของพวกเขา ดังนั้น ขอแสดงความยินดี
ขอแสดงความยินดี! ตอนนี้ จากลูกใหม่ๆทั้งหมดที่มา เรามาดูกันว่าใครทำสิ่งมหัศจรรย์
แม้ว่าลูกจะมาทีหลัง ลูกก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
ผลลัพธ์ทั้งหมดไปถึงบัพดาดา อัจชะ
ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์:
เป็นสิ่งที่ดีที่ลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ให้ความใส่ใจต่อตนเองและต่องานรับใช้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ลูกเพียงแค่ต้องเพิ่มบางสิ่งบางอย่างลงไป ลูกต้องขีดเส้นใต้เน้นย้ำไว้
ไม่ว่าลูกจะมีความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ -
และด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้น และความกล้าหาญที่ลูกมี -
เพียงแค่ขีดเส้นใต้เน้นย้ำอยู่เรื่อยๆว่า: "ฉันต้องทำสิ่งนี้ ฉันต้องเปลี่ยนแปลง
ฉันต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง และเปลี่ยนแปลงโลก" ขีดเส้นใต้คำว่า "ความมุ่งมั่น"
อยู่เรื่อยๆครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรก็ตาม บัพดาดาพอใจ: มีการขยายตัว
และยังมีการเอาใจใส่ต่องานรับใช้และต่อตัวลูกเองด้วย อย่างไรก็ตาม
จะต้องมีการเอาใจใส่อย่างเต็มที่ มีการเอาใจใส่
แต่ระหว่างนั้นก็มีความตึงเครียดเล็กน้อย และแน่นอนว่าสิ่งนั้นต้องจบสิ้นลง
อย่างไรก็ตาม ลูกมีความกล้าหาญที่ดี ขอแสดงความยินดีสำหรับความกล้าหาญของลูก
ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่กับพ่อกำลังแสดงความยินดีกับลูกสำหรับความกล้าหาญของลูก
ปรบมือ! อัจชะ
ลูกทุกคนกำลังนั่งอยู่ที่นี่
แต่บัพดาดาก็ได้รับความรักและการจดจำระลึกถึงมากมายจากลูกๆที่นั่งอยู่ห่างไกลออกไป
และในขณะที่หลอมรวมลูกๆแต่ละคนไว้ในดวงตาของท่าน
บัพดาดาก็ให้พรมากมายจากหัวใจของท่านกับลูกๆแต่ละคน ไม่ว่าจะมาจากบารัตหรือต่างแดน
บาบาได้รับการจดจำระลึกถึงจากลูกๆ มากมายผ่านจดหมายและอีเมล
ทั้งหมดนี้ไปถึงบาบาแล้ว อัจชะ
บัพดาดาต้องการเห็นการฝึกดริลของลูกให้กลับมาปราศจากร่างในหนึ่งวินาที
หากลูกต้องการสอบผ่านในเวลาสุดท้าย การฝึกดริลนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น
ในขณะที่นั่งอยู่ในชุมนุมที่ใหญ่โตเช่นนี้
ให้กลับมามั่นคงในสภาพของการอยู่เหนือจิตสำนึกของร่างกายในหนึ่งวินาที
อย่าให้สิ่งดึงดูดมาดึงดูดลูก (ดำเนินการฝึกดริล) อัจชะ
ถึงลูกๆทุกคนที่เพียรพยายามอย่างแรงกล้าในทุกหนแห่ง
ถึงดวงวิญญาณพิเศษทั้งหมดที่ข้องแวะอยู่ในงานรับใช้ของการเปลี่ยนแปลงตนเองและการเปลี่ยนแปลงโลก
ถึงทุกดวงวิญญาณที่เป็นคาร์มาโยคีที่สม่ำเสมอเช่นพ่อบราห์มา
และเป็นอิสระจากแรงดึงดูดของกรรมและอวัยวะใดๆ ถึงลูกๆที่ใกล้ชิดและทัดเทียมกับพ่อ
และผู้ที่นำทุกความคิดและทุกคำพูดมาใช้ในรูปปฏิบัติด้วยความมุ่งมั่น
โปรดรับพรจากหัวใจของบัพดาดา และโปรดรับความรักและความระลึกถึงจากหัวใจด้วย
และนมัสเต
ถึงดาดี้จี:
ลูกกลับมามีสุขภาพดีแล้ว แข็งแรงแล้ว โรคภัยไข้เจ็บหายไปแล้ว
โรคภัยไข้เจ็บมาเยือนมหาระตีเพื่อกล่าวอำลา
ลูกกำลังฝึกฝนอยู่ภายในเพื่อกลับมาคาร์มาทีท (ดาดี้แจงกีกล่าวว่าดาดี้จีเป็นจักรพรรดิที่ไร้กังวล)
ลูกมีเรื่องกังวลอะไรไหม? ลูกก็ไร้กังวลเช่นกัน ลูกทั้งสองกำลังเล่นบทบาทที่ดีมาก
ดูสิ ลูกกลายเป็นเครื่องมือในการสวมมงกุฎแห่งความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เหล่านี้คือมิตรร่วมทางของลูก เมื่อเห็นลูกทั้งหมดแล้ว
พวกเขามีความจริงจังและกระตือรือร้น (เราจะทำสิ่งใหม่ๆอะไรบ้างในตอนนี้?
บาบาควรให้แรงบันดาลใจบางอย่าง) บัพดาดาได้บอกลูกแล้วว่าช่อดอกไม้จากทุกอาชีพควรมา
นั่นคือไมค์และพลังด้วย ไม่ใช่แค่คนๆหนึ่งที่เป็นไมค์และคนที่มีการติดต่อเท่านั้น
แต่เขาควรมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดด้วย ทำให้ช่อดอกไม้เช่นนั้นปรากฏออกมา
แล้วกลุ่มนั้นจะกลายเป็นเครื่องมือในการรับใช้
พวกเขาจะกลายเป็นไมค์และลูกจะเป็นพลัง เมื่อ "บาบา" ปรากฏออกมาจากหัวใจของพวกเขา
ก็จะมีผลกระทบเกิดขึ้น นำพวกเขาเข้ามาสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
ลูกมีการติดต่อกับพวกเขาเพียงบางครั้งเท่านั้น
ดังนั้นความซาบซึ้งของพวกเขาจึงลดลงเล็กน้อย เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้
ให้มีการเชื่อมโยงและความสัมพันธ์กัน และมันก็จะดี อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้รับใช้ที่ง่ายดายและนำมาซึ่งการเติบโตโดยทำงานรับใช้ประเภทใหม่ๆและสูงส่งอยู่เสมอ
การทำงานรับใช้ของพระเจ้าด้วยความคิดของลูกเป็นวิธีการทำงานรับใช้รูปแบบใหม่และสูงส่ง
ช่างเพชรพลอยจะตรวจสอบเพชรพลอยของเขาทุกวันว่าสะอาดหรือไม่ เป็นประกายหรือไม่
และจัดวางอย่างเหมาะสมหรือไม่ ในทำนองเดียวกัน ในจิตใจของลูกทุกวันในเวลาอมฤต
ให้ทอดสายตาของลูกด้วยความคิดของลูกต่อดวงวิญญาณที่มีการติดต่อกับลูก
ยิ่งลูกจดจำพวกเขาในความคิดของลูกมากเท่าไร
ความคิดของลูกก็จะยิ่งไปถึงพวกเขามากขึ้นเท่านั้น
ด้วยการทำงานรับใช้รูปแบบใหม่นี้ในลักษณะนี้ จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
พลังอันละเอียดอ่อนของโยคะที่ง่ายดายของลูกจะดึงดูดดวงวิญญาณมาหาลูกโดยอัตโนมัติ
คติพจน์:
หลอมรวมเกมแห่งการหาข้ออ้าง
และปล่อยให้ทัศนคติของการวางเฉยที่ไม่มีขีดมีขีดจำกัดปรากฏขึ้นมา
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
ฝึกฝนการอยู่ในสภาพสำนึกเป็นดวงวิญญาณ อยู่อย่างสำรวจตน
พร้อมกับการไตร่ตรองความรู้แล้ว
ให้กำหนดวันสำหรับการมีจิตใจที่นิ่งสงบหรือควบคุมการจราจรของจิตใจโดยการฝึกที่จะมีความคิดของความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์และการให้สกาชเท่านั้น
ยิ่งลูกทำการวิจัยค้นคว้าในขณะที่นั่งอยู่ในห้องแห่งการสำรวจตนของลูกมากเท่าไร
ลูกก็จะยิ่งได้รับสัมผัสที่ดีที่สุดมากขึ้นเท่านั้น
โดยผ่านการสัมผัสเหล่านี้จะทำให้ดวงวิญญาณมากมายได้รับประโยชน์
หมายเหตุ:
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 3 ของวันโยคะสากล
ซึ่งพี่น้องชายหญิงทุกคนจะนั่งโยคะร่วมกันตั้งแต่เวลา 18.30 น. ถึง 19.30 น.
และมีประสบการณ์ว่า: ฉันนั่งบนที่นั่งตรงกลางหน้าผาก เต็มไปด้วยทุกพลังของพระเจ้า
เป็นดวงวิญญาณราชาโยคีที่สูงส่งที่สุด
ผู้เอาชนะประสาทสัมผัสทางกายและผู้เอาชนะการกระทำบาป ตลอดทั้งวัน
ให้รักษาความเคารพตนเองไว้: ฉันเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด
ผู้เล่นบทบาทเป็นฮีโร่ในทั้งวงจร