24.10.25       Morning 
Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban
สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน บาบามาเพื่อแสดงหนทางกลับบ้านให้แก่ลูก 
เมื่อลูกอยู่อย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญูญาณ ลูกจะสามารถเห็นหนทางง่ายดายนี้
คำถาม:
ลูกได้รับความรู้อะไรในยุคบรรจบพบกันที่เทพในยุคทองถูกเรียกว่าผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่น?
คำตอบ:
ในยุคบรรจบพบกันพ่อบอกเรื่องราวของความเป็นอมตะและให้ความรู้ของดวงวิญญาณที่คงอยู่ตลอดไปนี้แก่ลูก 
ลูกได้รับความรู้ว่านี่คือละครที่ไม่สูญสลายที่ถูกกำหนดไว้แล้ว 
และทุกดวงวิญญาณนั้นเล่นบทบาทของตนเอง ดวงวิญญาณจากร่างของเขาและรับอีกร่างหนึ่ง 
ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องร้องไห้ จากการที่ดวงวิญญาณรับความรู้นี้เวลานี้ 
เทพยุคทองจึงถูกเรียกว่าผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่น ที่นั่นไม่มีการพูดถึงความตาย 
พวกเขาจากร่างเก่าด้วยความสุขและใช้ร่างใหม่
เพลง: 
แสดงหนทางแก่คนตาบอดด้วยเถิด โอ้ พระเจ้า...
โอมชานติ 
พ่อทางจิตพูดกับลูกๆทางจิตที่สุดแสนหวานว่า: พ่อแสดงหนทางแก่ลูก 
แต่ก่อนอื่นจงพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ 
นั่งอยู่ในสำนึกดวงวิญญาณและลูกจะพบว่าหนทางนี้ง่ายดายมาก 
ลูกได้ล้มลุกคลุกคลานมาเป็นเวลาครึ่งวงจรในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา 
มีเครื่องประกอบต่างๆจำนวนมากมายในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา 
เวลานี้พ่อได้อธิบายว่ามีพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดเดียวเท่านั้น พ่อพูดว่า: 
พ่อกำลังแสดงหนทางแก่ลูก ไม่มีใครในโลกแม้กระทั่งรู้ว่าท่านแสดงให้เห็นหนทางใด 
นั่นคือหนทางไปสู่การหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต: 
การปลดปล่อยและการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ 
อาณาเขตแห่งความสงบถูกเรียกว่าการหลุดพ้น ดวงวิญญาณไม่สามารถพูดได้โดยไม่มีร่างกาย 
เสียงสามารถถูกทำขึ้นได้ผ่านอวัยวะเหล่านี้เท่านั้น เสียงถูกสร้างผ่านปาก 
ถ้าไม่มีปากเสียงจะมาจากไหน? ดวงวิญญาณได้รับอวัยวะเหล่านี้เพื่อที่จะแสดงการกระทำ 
ในอาณาจักรของราวัน ลูกแสดงการกระทำที่เป็นบาป 
การกระทำที่เป็นบาปเหล่านั้นคือการกระทำที่สกปรกมาก ในยุคทองไม่มีราวัน 
ดังนั้นการกระทำจึงเป็นกลาง กิเลสทั้งห้าไม่ได้อยู่ที่นั่น นั่นถูกเรียกว่าสวรรค์ 
ชาวบารัตเคยเป็นผู้อาศัยในสวรรค์ แต่เวลานี้พวกเขาถูกเรียกว่าชาวนรก 
พวกเขากำลังจมอยู่ในแม่น้ำแห่งยาพิษนี้ พวกเขาทั้งหมดทำให้กันและกันมีความทุกข์ 
พวกเขาพูดว่า: “บาบา พาเราไปยังสถานที่ซึ่งไม่มีการพูดถึงความทุกข์” 
เมื่อบารัตเป็นสวรรค์ ไม่มีพูดถึงความทุกข์ พวกเขามาจากสวรรค์ไปสู่นรก 
เวลานี้พวกเขาต้องกลับไปสู่สวรรค์ นี่คือการละเล่น พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆ 
ด้วยตนเอง นี่คือมิตรที่แท้จริงของสัจจะ(สัตซัง) ลูกกำลังจดจำพ่อที่แท้จริง 
ท่านผู้เดียวเท่านั้นคือพระเจ้า ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด ท่านคือผู้สร้าง 
ลูกได้รับมรดกของลูกจากท่าน พ่อให้มรดกของลูกแก่ลูกๆ ด้วยตัวท่านเอง 
แม้ว่าพวกเขาจะมีพ่อที่มีขีดจำกัด พวกเขาก็ยังคงจดจำท่านและพูดว่า: “โอ้ พระเจ้า 
โอ้ พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด โปรดมีความเมตตา!” 
พวกเขากลับมามีความทุกข์จากการล้มลุกคลุกคลานในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก 
พวกเขาพูดว่า: “โอ้ บาบา ให้มรดกแห่งความสุขและความสงบของเราแก่เรา!” 
มีเพียงพ่อเท่านั้นที่สามารถให้สิ่งนี้และสิ่งนั้นเป็นเวลา 21 ชาติเกิดเช่นกัน 
ลูกสามารถคำนวณสิ่งนี้ได้ ในยุคทองเมื่อเป็นอาณาจักรของพวกเขา 
ต้องมีผู้คนน้อยกว่าอย่างแน่นอน มีเพียงศาสนาเดียวและอาณาจักรเดียวเท่านั้น 
นั่นถูกเรียกว่าสวรรค์ดินแดนแห่งความสุข โลกใหม่นั้นถูกเรียกว่าสะโตประธาน(บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์) 
โลกเก่านั้นถูกเรียกว่าตาโมประธาน(ไม่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์) 
ในตอนแรกทุกสิ่งสะโตประธาน และแล้วก็ผ่านสภาพสะโต ราโจ และตาโม 
เด็กเล็กๆถูกเรียกว่าสะโตประธาน 
เด็กเล็กๆนั้นถูกกล่าวว่าสูงส่งยิ่งกว่าดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่(มหาตมะ) 
มหาตมะใช้ชาติเกิด เติบโต และสัมผัสกับกิเลส และแล้วก็จากบ้าน 
เด็กเล็กๆไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกิเลส พวกเขาไร้เดียงสาอย่างสมบูรณ์ 
เหตุนี้เองพวกเขาจึงกล่าวว่าสูงส่งกว่ามหาตมะ 
เทพได้รับการยกย่องว่าเต็มไปด้วยคุณธรรมทั้งหมด 
บรรดาสาธุทั้งหลายไม่เคยได้รับคำยกย่องนี้ 
พ่อได้อธิบายความหมายของความก้าวร้าวรุนแรงและความไม่ก้าวร้าวรุนแรง 
การตบตีใครบางคนนั้นถูกเรียกว่าความก้าวร้าวรุนแรง 
ความก้าวร้าวรุนแรงที่สุดคือการใช้ดาบของตัณหาราคะ เทพไม่มีความก้าวร้าวรุนแรง 
พวกเขาไม่ได้ใช้ดาบของตัณหาราคะ พ่อพูดว่า: 
เวลานี้พ่อมาเพื่อเปลี่ยนลูกจากมนุษย์ไปเป็นเทพ เทพอยู่ในสวรรค์ 
ไม่มีใครที่นี่สามารถเรียกตนเองว่าเป็นเทพ 
ทุกคนเข้าใจว่าตนเองเป็นคนบาปที่ตกต่ำและมีกิเลส 
ดังนั้นพวกเขาจะเรียกตนเองว่าเทพได้อย่างไร? 
เหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกเรียกว่าศาสนาฮินดู 
ในความเป็นจริงมันคือศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป คำว่า “ฮินดู” 
มีต้นกำเนิดมาจากคำว่า “ฮินดูสถาน” ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเรียกว่าศาสนาฮินดู 
ลูกบอกว่าลูกนับถือศาสนาเทพ แต่พวกเขาก็ยังให้ลูกอยู่ในแถวภายใต้ศาสนาฮินดู 
พวกเขาบอกว่าพวกเขามีแถวของศาสนาฮินดูเท่านั้น 
เนื่องจากความไม่บริสุทธิ์จึงไม่มีใครสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นเทพได้ 
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าลูกเคยเป็นเทพที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา 
และเวลานี้ลูกได้กลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา 
ก่อนหน้านี้ลูกได้กราบไหว้บูชาชีวาอย่างไม่มีสิ่งใดเจือปน 
และแล้วลูกก็กลายเป็นผู้กราบไหว้บูชาที่มีสิ่งเจือปน พ่อคือผู้เดียวเท่านั้น 
ลูกได้รับมรดกของลูกจากท่าน มีเทพมากมายหลายประเภทฯลฯ ลูกไม่ได้รับมรดกใดจากพวกเขา 
ลูกไม่ได้รับมรดกจากบราห์มาเช่นกัน 
ผู้หนึ่งคือพ่อที่ไม่มีตัวตนและอีกผู้หนึ่งคือพ่อที่มีร่างกาย 
แม้ว่าพวกเขาจะมีพ่อทางร่าง พวกเขาก็ยังคงพูดอยู่เรื่อยๆว่า: “โอ้ พระเจ้า! โอ้ 
พ่อสูงสุด!” ลูกจะไม่พูดสิ่งนั้นกับพ่อทางร่างของลูก มรดกได้รับมาจากพ่อ 
สามีและภรรยาเป็นหุ้นส่วนกัน ดังนั้นเธอควรมีครึ่งหนึ่งของทุกสิ่ง 
ก่อนอื่นควรจะให้ครึ่งหนึ่งเป็นส่วนแบ่งแก่เธอ และแล้วลูกๆ 
ก็ควรได้รับอีกครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ลูกๆจะได้รับทรัพย์สมบัติทั้งหมด 
บางคนมีความผูกพันยึดมั่นอย่างมากมาย พวกเขาคิดว่าลูกๆ 
ของเขาจะมีสิทธิ์ทั้งหมดเมื่อพวกเขาตาย 
ลูกๆในปัจจุบันนี้ไม่แม้แต่จะถามถึงแม่ของเขาหลังจากที่พ่อเขาจากไป 
บางคนก็รักแม่ของเขา อย่างไรก็ตามบางคนต่อต้านแม่ของเขา 
ทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะไม่ถามหาแม่ของเขา พวกเขาสูญเสียเงินทองทั้งหมด 
ลูกบุญธรรมบางคนก็เป็นเช่นนั้นด้วย พวกเขาสร้างปัญหาให้แม่ของเขาอย่างมากมาย 
ลูกๆเคยได้ยินเพลงนี้ พวกเขาพูดว่า: “บาบาเวลานี้แสดงหนทางไปสู่ความสุขที่ซึ่งมีการพักผ่อนให้แก่เรา” 
ไม่มีความสุขในอาณาจักรของราวัน 
ผู้ที่อยู่ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาไม่แม้กระทั่งเข้าใจว่าชีวาแยกกันจากชังก้าร์ 
พวกเขายังคงโค้งคำนับและอ่านคัมภีร์ต่อไป โอเค แล้วลูกได้รับอะไรจากสิ่งนั้น? 
พวกเขาไม่รู้อะไรเลย พ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ประทานความสงบและความสุขแก่ทุกคน 
ในยุคทองมีความสุขและความสงบ 
เคยมีความสงบและความสุขในบารัตแต่ไม่ได้มีอยู่อีกต่อไปแล้ว 
เหตุนี้เองในความเลื่อมใสศรัทธา 
พวกเขาเฝ้าแต่ล้มลุกคลุกคลานจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง 
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่พาลูกไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข 
“บาบา เราจะจดจำท่านผู้เดียวเท่านั้น 
เราจะประกาศสิทธิ์ในมรดกของเราจากท่านผู้เดียวเท่านั้น” พ่อพูดว่า: 
ลูกต้องลืมร่างกายของลูกและความสัมพันธ์ทางร่างทั้งหมดของลูก 
จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น! ลูกดวงวิญูญาณต้องกลับมาบริสุทธิ์ที่นี่ 
หากลูกไม่จดจำท่าน ลูกจะต้องมีประสบการณ์ของการถูกลงโทษ สถานภาพของลูกจะลดลง 
เหตุนี้เองพ่อจึงพูดว่า: ทำความพยายามเพื่อมีการจดจำระลึกถึง 
ท่านอธิบายแก่ลูกดวงวิญญาณว่า ไม่มีสัตซังฯลฯ อื่นใดที่ใช้คำว่า “โอ้ ลูกๆ ทางจิต” 
นี่คือความรู้ทางจิตที่ลูกๆได้รับจากพ่อทางจิต “จิตวิญญาณ” หมายถึงไม่มีตัวตน 
ชีวาไม่มีตัวตนเช่นกัน ลูกดวงวิญญาณคือจุด ลูกนั้นเล็กมาก 
ไม่มีใครสามารถมองเห็นดวงวิญญาณได้โดยไม่มีเทพนิมิต เพียงพ่อเท่านั้นที่ให้เทพนิมิต 
ผู้เลื่อมใสศรัทธานั่งและกราบไหว้บูชาหนุมานและคเณศฯลฯ 
เวลานี้พวกเขาจะได้นิมิตของสิ่งเหล่านั้นอย่างไร? พ่อพูดว่า: 
พ่อคือผู้เดียวที่ประทานเทพนิมิต 
พ่อเองได้ให้นิมิตแก่ผู้ที่ได้ทำความเลื่อมใสศรัทธามาอย่างมากมาย 
อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์อะไรในสิ่งนั้น พวกเขาเพียงแค่มีความสุข 
พวกเขายังคงทำบาปต่อไป พวกเขาไม่ได้บรรลุอะไรเลย 
พวกเขาจะกลายเป็นอะไรได้อย่างไรโดยไม่ศึกษาเล่าเรียน? เทพเต็มไปด้วยทุกคุณธรรม 
ลูกต้องกลายเป็นสิ่งนั้นเช่นกัน ที่เหลือทั้งหมดคือนิมิตของหนทางความเลื่อมใสศรัทธา 
ลูกจะนั่งชิงช้ากับกฤษณะและอยู่กับเขาในสวรรค์อย่างแน่นอน 
ขึ้นอยู่กับว่าลูกศึกษามากแค่ไหน ยิ่งลูกทำตามศรีมัทมากเท่าไหร่ 
ลูกก็จะยิ่งประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงส่งมากเท่านั้น ศรีมัทได้ให้ไว้โดยพระเจัา 
ลูกไม่เรียกสิ่งนั้นว่าศรีมัทของกฤษณะ 
ดวงวิญญูาณศรีกฤษณะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพของเขาด้วยการทำตามศรีมัทของพ่อสูงสุด 
ดวงวิญญาณสูงสุด ลูกดวงวิญญาณอยู่ในศาสนาเทพด้วยเช่นกัน 
อีกนัยหนึ่งลูกเคยอยู่ในราชวงศ์ของศรีกฤษณะ 
ชาวบารัตไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของราเด้และกฤษณะคืออะไร 
แต่ละคนมาจากอาณาจักรที่แตกต่างกัน และแล้วเมื่อเขาแต่งงานกัน 
พวกเขาจึงกลายเป็นลักษมีและนารายณ์ พ่อมาเพื่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด 
เวลานี้ลูกกำลังศึกษาเพื่อกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งสวรรค์ 
เป็นช่วงเวลาของการแต่งงานของเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ชื่อของพวกเขาเปลี่ยนไป 
ดังนั้นพ่อจึงทำให้ลูกๆ ไปเป็นเทพเช่นนั้น 
อย่างไรก็ตามนั่นก็ต่อเมื่อลูกทำตามศรีมัทของพ่อเท่านั้น ลูกคือลูกๆที่เกิดจากปาก 
พวกเขาเกิดมาจากครรภ์ 
พราหมณ์เหล่านั้นผูกสามีภรรยาเข้าด้วยกันและทำให้พวกเขานั่งอยู่บนกองไฟของตัณหาราคะ 
เวลานี้ลูกบราห์มินที่แท้จริงนำพวกเขาออกมาจากกองไฟของตัณหาราคะและผูกพวกเขาให้นั่งบนกองไฟของความรู้นี้ 
ดังนั้นพวกเขาต้องปล่อยข้อผูกมัดอื่นๆ 
เวลานี้ลูกๆต่อสู้และทะเลาะเบาะแว้งกันและสูญเสียเงินทองของเขาทั้งหมด 
ทุกวันนี้มีความสกปรกมากมายในโลก ความเจ็บป่วยที่เลวร้ายที่สุดคือโรงภาพยนตร์ 
แม้แต่ลูกๆ ที่ดีก็เสียคนจากการไปโรงภาพยนตร์ 
ดังนั้นบีเคจึงถูกห้ามไม่ให้ไปไปดูภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน 
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เข้มแข็งแล้ว บาบาพูดว่า: ไปทำงานรับใช้ที่นั่น 
อธิบายแก่พวกเขาว่าโรงภาพยนตร์นั้นมีขีดจำกัด 
มีโรงภาพยนตร์ที่ไม่มีขีดจำกัดด้วยเช่นกัน 
โรงภาพยนตร์ที่มีขีดจำกัดและไม่จริงเหล่านั้นเริ่มต้นมาจากโรงภาพยนตร์ที่ไม่มีขีดจำกัด 
เวลานี้พ่อได้อธิบายแก่ลูกๆ ว่านั่นคือโลกวิญญาณที่ที่มีดวงวิญญาณทั้งหมดอาศัยอยู่ 
และมีอาณาเขตที่ละเอียดอ่อนอยู่ระหว่างที่นั่นกับที่นี่ 
มีโลกวัตถุที่การละเล่นทั้งหมดเกิดขึ้น วงจรนี้ยังคงหมุนต่อไป 
ลูกบราห์มินต้องกลายเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง 
ไม่ใช่เหล่าเทพที่ต้องกลายเป็นสิ่งเหล่านี้ 
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาคือผู้ทำความพยายาม 
บราห์มินจึงไม่ไดัรับสัญลักษณ์เหล่านี้ วันนี้พวกเขากำลังก้าวหน้าไปด้วยดี 
วันพรุ่งนี้พวกเขาก็ตกลงมา เหตุนี้เองสัญลักษณ์เหล่านี้จึงให้กับเทพ 
พวกเขาวาดภาพศรีกฤษณะฆ่าอะกาเซอร์และบากาเซอร์ฯลฯ ด้วยกงจักร 
อย่างไรก็ตามเขาถูกกล่าวว่าเป็นผู้ที่มีศาสนาสูงสุดของการไม่ใช้ความรุนแรง 
ดังนั้นเขาจะฆ่าใครได้อย่างไร? 
ทั้งหมดนั้นเป็นองค์ประกอบของหนทางความเลื่อมใสศรัทธา 
ไม่ว่าลูกจะไปที่ใดก็ตามก็จะมีภาพลักษณ์รูปไข่วงรี(ลิงกัม)ของชีวา 
ได้มีการตั้งชื่อที่ต่างๆกันมากมาย พวกเขาสร้างเทพมากมายจากดินเหนียว 
พวกเขาตกแต่งประดับประดาเทพเหล่านั้น พวกเขาใช้เงินหลายพันรูปีกับสิ่งเหล่านั้น 
พวกเขาสร้าง สักการะบูชา และหล่อเลี้ยงเทพเหล่านั้นและแล้วนำไปจมน้ำ! 
พวกเขาใช้เงินจำนวนมากในการสักการะบูชารูปปั้น พวกเขาไม่ได้รับอะไรเลยจากสิ่งนั้น 
พ่ออธิบายว่า: ความเลื่อมใสศรัทธาทั้งหมดนั้นเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ 
พวกเขาลงบันไดมาเรื่อยๆ เมื่อพ่อมาจึงเป็นสภาพของการขึ้นไปสำหรับทุกคน 
ท่านพาทุกคนไปสู่ดินแดนแห่งความสงบ และดินแดนแห่งความสุข 
ไม่มีเรื่องของการสูญเสียเงินในสิ่งนี้ 
ด้วยการสูญเสียเงินในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ลูกก็กลับมาล้มละลาย 
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายเรื่องราวของการกลับมามั่งคั่งและการล้มละลาย 
ลูกเป็นของราชวงศ์ลักษมีและนารายณ์ 
เวลานี้พ่อให้คำสอนแก่ลูกเพื่อที่จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาไปเป็นนารายณ์ 
ผู้คนเหล่านั้นถ่ายทอดเรื่องราวของตาที่สามและเรื่องราวของความเป็นอมตะ 
แต่สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดคือการกล่าวเท็จ นี่คือเรื่องราวของตาที่สาม 
ซึ่งดวงตาที่สามของความรู้นี้ของแต่ละดวงวิญญาณได้เปิดขึ้น 
ทั้งวงจรเข้ามาสู่สติปัญญา ลูกแต่ละคนได้รับตาที่สามของความรู้นี้ 
ลูกกำลังรับฟังเรื่องราวของความเป็นอมตะด้วยเช่นกัน 
บาบาที่เป็นอมตะกำลังบอกลูกถึงเรื่องราวของความเป็นอมตะ 
ท่านกำลังทำให้ลูกไปเป็นนายของดินแดนแห่งความเป็นอมตะ 
ลูกไม่เคยมีประสบการณ์ของความตายที่นั่น ผู้คนที่นี่กลัวความตายอย่างมาก 
ที่นั่นไม่มีความกลัวตายและไม่มีการร้องไห้ 
ลูกจากร่างเก่าของลูกในความสุขและรับร่างใหม่ ที่นี่ผู้คนร้องไห้อย่างมาก 
นี่คือโลกแห่งน้ำตา พ่อพูดว่า: ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว 
แต่ละคนกำลังเล่นบทบาทของตนเอง เทพคือผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่น 
มีกูรูนับไม่ถ้วนในโลกและพวกเขาทั้งหมดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน 
ทุกคนมีความคิดเห็นของตนเอง ที่นี่มีการบูชาเทพ(เทพเจ้า)แห่งความพอใจ 
เทพแห่งความพอใจมีอยู่ในยุคทองเท่านั้น พวกเขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? 
ในยุคทองเทพมีความพอใจเสมอ ที่นี่ทุกคนมีความปรารถนาอย่างใดอย่างหนึ่ง 
ที่นั่นไม่มีความปรารถนา พ่อทำให้ทุกคนพอใจ ลูกกลายเป็นมหาเศรษฐี 
เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถบรรลุได้ที่นั่น 
ที่นั่นจึงไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการที่จะบรรลุสิ่งใด ไม่มีความกังวลที่นั่น 
พ่อพูดว่า: พ่อคือผู้ประทานการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน ลูกๆ 
จะได้รับความสุขเป็นเวลา 21 ชาติเกิด ลูกต้องจดจำพ่อเช่นนี้ 
ด้วยการจดจำระลึกถึงท่านที่บาปของลูกจะถูกเผาไปและลูกจะกลับมาสะโตประธาน 
สิ่งเหล่านี้ต้องด้รับความเข้าใจ ลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง 
และปวงประชาของลูกจะถูกสร้างขึ้นมากเท่าที่ลูกได้อธิบายแก่ผู้อื่น 
ลูกไม่ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับของสาธุใดฯลฯ 
พระเจ้ากำลังนั่งที่นี่แล้วอธิบายผ่านปากของผู้นี้ 
เวลานี้ลูกกำลังกลายเป็นเทพแห่งความพอใจ 
เวลานี้ลูกควรจะถือสัตย์ปฏิญาณที่จะอยู่อย่างบริสุทธิ์ตลอดไปเพราะลูกต้องไปยังโลกที่บริสุทธิ์ 
ดังนั้นอย่ากลับมาไม่บริสุทธิ์ พ่อสอนคำปฏิญาณนี้แก่ลูก 
มนุษย์ในปัจจุบันถือศีลอดประเภทต่างๆมากมาย อัจชะ
ถึงลูกๆ 
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก 
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. 
ทำตามคำแนะนำของพ่อผู้เดียวและอยู่อย่างพอใจอย่างสม่ำเสมอและกลายเป็นเทพแห่งความพอใจ 
อย่าได้มีความปรารถนาใดๆที่นี่ รับการบรรลุผลทั้งหมดจากพ่อและกลายเป็นมหาเศรษฐี
2. 
โรงภาพยนตร์ทำให้ลูกสกปรกที่สุด ลูกไม่ได้รับอนุญาตให้ดูภาพยนตร์ 
หากลูกกล้าหาญและสามารถเข้าใจถึงนัยสำคัญระหว่างโรงภาพยนตร์ที่มีขีดจำกัดและโรงภาพยนตร์ที่ไม่มีขีดจำกัด 
ลูกสามารถทำงานรับใช้ได้โดยการอธิบายสิ่งนั้น
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ทำความพยายามที่เข้มข้นด้วยระเบียบวินัยและเติบโตในความพยายามและงานรับใช้ของลูก
บราห์มินคือคนที่มีชีวิตที่มีระเบียบวินัย 
งานประสบความสำเร็จเมื่อมีการทำโดยใช้วิธีการที่ถูกต้อง 
ไม่ว่าในสถานการณ์ใดหากไม่มีการเติบโตในความพยายามหรือในงานรับใช้ของลูกแล้ว 
ย่อมมีบางสิ่งที่ขาดหายไปในวิธีที่ลูกทำอย่างแน่นอน ดังนั้น จงตรวจสอบดูว่า: 
ตั้งแต่เวลาอมฤตจนถึงเวลากลางคืน 
ความคิดคำพูดการกระทำและสายใยของฉันมีระเบียบวินัยหรือไม่ 
นั่นคือมีการเติบโตหรือไม่? 
หากไม่มีแล้วให้คิดว่าอะไรคือสาเหตุของสิ่งนั้นและหาทางแก้ไขและลูกจะไม่ท้อแท้ 
หากชีวิตของลูกมีระเบียบวินัยและแล้วจะมีการเติบโตอย่างแน่นอนและลูกจะกลายเป็นผู้ทำความพยายามอย่างเข้มข้น
คติพจน์:
การเต็มไปด้วยความสะอาดและความซื่อสัตย์คือการมีความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: 
ทำการทดลองกับตัวเองและผู้อื่นด้วยจิตใจของลูกด้วยพลังของโยคะ
เมื่อลูกไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จด้วยคำพูดได้ มีคนกล่าวไว้ว่า "ผู้นี้จะไม่เข้าใจด้วยคำพูด 
แต่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นด้วยความปรารถนาดี" 
เมื่อคำพูดไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ และแล้วใช้เครื่องมือของพลังแห่งความเงียบ 
ซึ่งก็คือความปรารถนาดี ความรู้สึกบริสุทธิ์ ความเมตตาด้วยภาษาของดวงตา 
และพวกเขาจะมีประสบการณ์ความรักที่สามารถทำให้บรรลุผลสำเร็จได้