29.07.25       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน เพียงเมื่อร่างกายมีดวงวิญญาณอยู่ภายในเท่านั้นที่ร่างกายจึงจะมีคุณค่า อย่างไรก็ตามเป็นร่างกายที่ได้รับการตกแต่งประดับประดา ไม่ใช่ดวงวิญญาณ

คำถาม:
อะไรคือหน้าที่ของลูกๆ? งานรับใช้ใดที่ลูกๆต้องทำ?

คำตอบ:
หน้าที่ของลูกคือการแสดงแก่ผู้ที่ทัดเทียมลูกถึงวิธีการที่จะเปลี่ยนจากผู้หญิงหรือผู้ชายธรรมดาเป็นลักษมีหรือนารายณ์ เวลานี้ลูกต้องทำงานรับใช้ทางจิตที่แท้จริงของบารัต ลูกแต่ละคนได้รับดวงตาที่สามของความรู้แล้ว ดังนั้นสติปัญญาและพฤติกรรมของลูกควรจะละเอียดอ่อนมาก ไม่ควรมีความผูกพันยึดมั่นน้อยนิดที่สุดต่อผู้ใด

เพลง:
ชี้หนทางให้แก่คนตาบอดเถิด พระเจ้าที่รัก!

โอมชานติ
ดับเบิ้ลโอมชานติ ลูกๆ ต้องตอบรับด้วย “โอมชานติ” ศาสนาดั้งเดิมของเราคือความสงบ ลูกจะไม่ไปที่อื่นใดเพื่อค้นหาความสงบ มนุษย์ไปหาผู้รู้และผู้เคร่งศาสนาเพื่อให้ได้มาซึ่งความสงบของจิตใจ อย่างไรก็ตามจิตใจและสติปัญญาเป็นอวัยวะของดวงวิญญาณ เช่นที่อวัยวะเหล่านี้เป็นของร่างกาย ดังนั้นจิตใจ สติปัญญา และดวงตานี้ด้วยก็เป็นอวัยวะของดวงวิญญาณ ดวงตานี้ไม่เป็นเหมือนดวงตาทางร่าง ผู้คนพูดว่า: โอ้ พระเจ้า ชี้หนทางให้แก่คนตาบอดเถิด! เราไม่มีประสบการณ์ความรักของพ่อโดยการพูดว่า “พระผู้” หรือ ”อิศวร” ลูกๆได้รับมรดกจากพ่อของเขา ที่นี่ลูกกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าพ่อ และลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนด้วยเช่นกัน ใครกำลังสอนลูก? ลูกจะไม่พูดว่าดวงวิญญาณสูงสุดหรือพระผู้ กำลังสอนลูก ลูกจะพูดว่าชีพบาบากำลังสอนลูก คำว่า “บาบา” นั้นเรียบง่ายมาก และนี่คือบัพดาดา ดวงวิญญาณเรียกว่าดวงวิญญาณ ในทำนองเดียวกันท่านคือดวงวิญญาณสูงสุด ท่านพูดว่า: พ่อคือดวงวิญญาณสูงสุด นั่นคือพ่อคือพระเจ้า พ่อของลูก แล้วตามละครพ่อดวงวิญญาณสูงสุดได้รับชื่อว่าชีวา ทุกคนในละครต้องมีชื่อ มีวัดของชีวาด้วยเช่นกัน แทนที่จะมีเพียงชื่อเดียว ผู้คนในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาได้ให้ชื่อมากมายแก่ท่าน พวกเขาเฝ้าแต่สร้างวัดมากมาย แต่ท่านก็เป็นผู้เดียวกัน วัดโสมนาถนั้นใหญ่โตมาก วัดได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างมาก พระราชวังฯลฯ ก็ได้รับการตกแต่งประดับอย่างมากด้วยเช่นกัน เช่นที่ดวงวิญญาณไม่สามารถได้รับการตกแต่งประดับประดาในทำนองเดียวกันดวงวิญญาณสูงสุดก็ไม่สามารถได้รับการตกแต่งประดับประดา ท่านเป็นเพียงจุด การประดับตกแต่งทั้งหมดเป็นของร่างกายเท่านั้น พ่อพูดว่า: พ่อไม่ทั้งได้รับการตกแต่งประดับประดา หรือดวงวิญญาณก็ไม่ได้รับการตกแต่งประดับประดา ดวงวิญญาณเป็นเพียงจุด ลำพังจุดที่เล็กเช่นนั้นไม่สามารถเล่นบทบาทได้ เมื่อดวงวิญญาณที่แสนเล็กเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็ได้รับการประดับตกแต่งในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย มนุษย์มีชื่อมากมายเหลือเกิน ราชาและราชินีได้รับการประดับตกแต่งอย่างมาก ดวงวิญญาณเป็นจุดที่เรียบง่าย เวลานี้ลูกๆ เข้าใจแล้วว่าเป็นดวงวิญญาณที่ซึมซับความรู้ พ่อพูดว่า: พ่อก็มีความรู้เช่นกัน ร่างกายไม่มีความรู้ พ่อดวงวิญญาณนี้มีความรู้ พ่อต้องรับร่างกายเพื่อที่จะพูดความรู้นี้แก่ลูก หากไม่มีร่างกายลูกก็ไม่สามารถได้ยินความรู้ เพลงที่ว่า “ชี้หนทางแก่คนตาบอดเถิดพระเจ้าที่รัก” ได้ถูกแต่งขึ้น เป็นร่างกายที่ต้องได้รับการแสดงหนทางหรือ? ไม่เลย ดวงวิญญาณต้องได้รับการแสดงหนทาง เป็นดวงวิญญาณที่ร้องเรียกหา ร่างกายมีสองตา ไม่สามารถมีสามตาได้ ดวงตาที่สามมีสัญลักษณ์ของติลัคที่หน้าผาก บางคนเพียงแต่แต้มจุด และคนอื่นๆวาดเป็นเส้น จุดเป็นสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณ ลูกแต่ละคนได้รับดวงตาที่สามของความรู้นี้ ก่อนหน้านี้ลูกดวงวิญญาณไม่มีดวงตาที่สามของความรู้ ไม่มีมนุษย์คนใดมีความรู้นี้ เหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกกล่าวว่าปราศจากดวงตาแห่งความรู้ แม้ว่าทุกคนมีดวงตาทางร่างกาย แต่ก็ไม่มีใครในทั้งโลกที่มีดวงตาที่สาม ลูกคือสกุลบราห์มินที่สูงส่งที่สุด ลูกรู้ว่ามีความแตกต่างมากแค่ไหนระหว่างหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาและหนทางของความรู้นี้ ด้วยการรู้ความรู้ของผู้สร้างและตอนเริ่ม ตอนกลาง และตอนจบของสิ่งสร้าง ลูกกลายเป็นผู้ปกครองโลก ผู้ที่ศึกษาเพื่อที่จะได้เป็นข้าราชการของอินเดียก็ประกาศสิทธิ์สถานภาพที่สูงมาก อย่างไรก็ตามที่นี่ลูกไม่ได้กลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ฯลฯ ด้วยการศึกษาเล่าเรียน ที่นี่มีส.ส.ได้รับการเลือกตั้ง พวกเขากลายเป็น ส.ส. ฯลฯ บนพื้นฐานของคะแนนเสียงที่พวกเขาได้รับ เวลานี้ลูกดวงวิญญาณได้รับศรีมัทจากพ่อ ไม่มีใครอื่นสามารถพูดได้ว่า: ฉันกำลังให้คำแนะนำแก่ดวงวิญญาณ พวกเขาทั้งหมดมีสำนึกที่เป็นร่าง เพียงพ่อเท่านั้นที่มาและสอนลูกให้มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ทั้งหมดนั้นมีสำนึกที่เป็นร่าง มนุษย์มีความภาคภูมิอย่างมากกับร่างกายของพวกเขา ที่นี่พ่อมองดูดวงวิญญาณเท่านั้น ร่างกายนั้นสูญสลาย ไม่มีค่าแม้เศษสตางค์! อย่างน้อยหนังของสัตว์ก็สามารถขายได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เวลานี้พ่อมาและทำให้ลูกมีค่าเต็มบาท ลูกๆ รู้ว่าเวลานี้ลูกจะกลายเป็นเทพ ดังนั้นลูกควรมีความซาบซึ้งของสิ่งนั้น อย่างไรก็ตามความซาบซึ้งของลูกคงอยู่ต่างลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกแต่ละคนทำ ผู้คนมีความซาบซึ้งของทรัพย์สมบัติเช่นกัน เวลานี้ลูกๆกำลังจะกลับมามั่งคั่งมาก; ลูกกำลังได้รับรายได้มหาศาล ลูกได้รับการสรรเสริญในหลายๆทาง ลูกกำลังสร้างสวนดอกไม้นั้น ยุคทองนั้นเรียกว่าสวนดอกไม้ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้นอ่อนถูกปลูก พ่อกำลังอธิบายแก่ลูก ผู้คนร้องเรียก: โอ้ นายของสวนได้โปรดมา! ท่านจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นคนสวน ลูกๆผู้ที่ดูแลศูนย์เรียกว่าคนสวน มีคนสวนหลายประเภท มีเพียงนายของสวนเดียวเท่านั้น คนสวนของสวนโมกุลต้องได้รับเงินเดือนที่สูงมาก เขาได้สร้างสวนที่สวยงามเช่นนั้นที่ทุกคนไปที่นั่นเพื่อที่จะไปชม พวกราชวงศ์โมกุลโปรดปรานสิ่งเหล่านี้มาก เมื่อมเหสีของชาห์จาฮานสิ้นพระชนม์ พระองค์ก็ได้สร้างทัชมาฮาลขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงพระนาง ชื่อของพวกเขายังคงได้รับการจดจำ พวกเขาได้สร้างอนุสรณ์ที่สวยงามเช่นนั้น ดังนั้นพ่ออธิบายว่ามนุษย์ได้รับการยกย่องอย่างมาก มนุษย์ก็คือมนุษย์ มนุษย์มากมายตายในสงคราม แล้วทำอะไรกับพวกเขา? ได้มีการเทน้ำมันเบนซินหรือน้ำมันก๊าดลงบนศพทั้งหมดเพื่อเผา บางศพก็ยังนอนอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ถูกฝัง ไม่มีความเคารพเลย เวลานี้ลูกๆควรมีความซาบซึ้งของการกลายเป็นนารายณ์ นี่คือความซาบซึ้งของการกลายเป็นนายของโลก นี่คือเรื่องราวของนารายณ์ที่แท้จริง ดังนั้นลูกจะเป็นเหมือนนารายณ์อย่างแน่นอน ลูกดวงวิญญาณแต่ละคนได้รับดวงตาที่สามแห่งความรู้ เป็นพ่อที่ให้ดวงตานั้น มีเรื่องราวของดวงตาที่สามด้วยเช่นกัน พ่อนั่งที่นี่และอธิบายความหมายของเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด ผู้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ไม่รู้อะไรเลย พวกเขาบอกเรื่องราวของความเป็นอมตะด้วยเช่นกัน พวกเขาไปไกลมากถึงอมาร์นาถ พ่อมาที่นี่และบอกเรื่องราวนี้แก่ลูก ท่านไม่ได้บอกลูกจากเบื้องบนนั้น ไม่ใช่ว่าท่านนั่งที่นั่นและถ่ายทอดเรื่องราวของความเป็นอมตะแก่ปารวตี เรื่องราวความเลื่อมใสศรัทธาทั้งหมดที่แต่งขึ้นมานั้นถูกกำหนดไว้ในละคร สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้ง พ่อนั่งที่นี่และแสดงให้ลูกๆเห็นความแตกต่างระหว่างความรู้นี้และความเลื่อมใสศรัทธา เวลานี้ลูกแต่ละคนได้รับดวงตาที่สามของความรู้นี้ พวกเขาพูดว่า: โอ้ พระเจ้าโปรดชี้หนทางแก่คนตาบอดเถิด!พวกเขาร้องเรียกหาในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา พ่อมาและให้ดวงตาที่สามของความรู้แก่ลูกแต่ละคน ไม่มีใครนอกจากลูกรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ บางคนที่ไม่มีดวงตาที่สามของความรู้นี้เรียกว่ามีตาเดียวหรือตาบอดข้างหนึ่ง ดวงตาของผู้คนก็ต่างจากอีกคน ดวงตาของบางคนสวยงามมาก พวกเขาได้รับรางวัลเนื่องจากความงามของพวกเขา พวกเขาถูกเรียกว่า “มิสอินเดีย” หรือ “มิสนั่นมิสนี่” มองดูว่าเวลานี้พ่อกำลังทำให้ลูกๆกลายเป็นอะไรจากสิ่งที่ลูกเคยเป็น มีความงามตามธรรมชาติที่นั่น เหตุใดศรีกฤษณะจึงได้รับการยกย่องอย่างมาก? เพราะเขากลายเป็นผู้ที่สวยงามที่สุดเหนือทั้งหมด เขาประกาศสิทธิ์ในสภาพเหนือบ่วงกรรมอันดับหนึ่ง เหตุนี้เองคำยกย่องของเขาจึงเป็นอันดับหนึ่ง พ่อนั่งที่นี่และอธิบายทั้งหมดนี้แก่ลูก พ่อพูดครั้งแล้วครั้งเล่า: ลูกๆ “มานมานะบาฟ!” โอ ดวงวิญญาณ จดจำพ่อของลูก! เป็นสิ่งที่ต่างลำดับกันไปในบรรดาลูกๆเช่นกัน ยกตัวอย่าง เมื่อพ่อมีลูกห้าคน ถ้าลูกคนหนึ่งรู้คิดมาก เขาก็จะเป็นอันดับหนึ่ง พวกเขาก็เป็นเหมือนลูกปัดของลูกประคำ เขาจะพูดว่า: ลูกคนนี้เป็นอันดับสอง และคนนี้เป็นอันดับสาม พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถเป็นเหมือนกัน ความรักของพ่อต่อพวกเขาก็จะต่างลำดับกันไปด้วยเช่นกัน นั่นคือประเด็นที่มีขีดจำกัด ที่นี่เป็นประเด็นที่ไม่มีขีดจำกัด พฤติกรรมและสติปัญญาของลูกๆที่ได้รับดวงตาที่สามแห่งความรู้นี้ต้องละเอียดอ่อนมาก มีราชาของดอกไม้ ในทำนองเดียวกันบราห์มาและสรัสวตีนี้เป็นราชาและราชินีดอกไม้ พวกเขาฉลาดทั้งในความรู้นี้และโยคะ ลูกรู้ว่าลูกกำลังจะกลายเป็นเทพ แปดคนหลักกลายเป็นเพชรพลอยทั้งแปด ก่อนอื่นมีดอกไม้ที่เป็นพู่ แล้วก็มีลูกปัดคู่บราห์มาและสรัสวตี ผู้คนหมุนลูกปัดของลูกประคำ ในความเป็นจริงลูกไม่ได้รับการกราบไหว้บูชา ลูกได้รับการจดจำเท่านั้น ไม่ต้องถวายดอกไม้ให้แก่ลูก ดอกไม้สามารถถวายได้เมื่อร่างกายบริสุทธิ์เท่านั้น ที่นี่ไม่มีใครมีร่างกายที่บริสุทธิ์ ทุกคนเกิดจากยาพิษของกิเลส และเหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกเรียกว่ามีกิเลส ลักษมีและนารายณ์กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่ปราศจากกิเลสอย่างสมบูรณ์ เด็กๆจะเกิดที่นั่นเช่นกัน ไม่ใช่ว่าทารกจะเกิดในหลอด ทุกสิ่งเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ ลูกๆ ถูกทำให้นั่งที่นี่ในบัทตีเป็นเวลา 7 วัน อิฐบางก้อนถูกทำให้แข็งแกร่งมากในเตาอบ ในขณะที่อิฐก้อนอื่นๆยังคงเปราะ ได้มีการให้ตัวอย่างของเตาอบไว้ ก้อนอิฐในเตาอบถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ได้อย่างไร? แล้ว เรื่องราวของแมวก็ถูกกล่าวถึงเช่นกัน มีเรื่องราวของกุล-บักวลีด้วยเช่นกันที่กล่าวถึงแมว แมวดับตะเกียง สิ่งเดียวกันนั้นก็เกิดขึ้นกับลูก มายาซึ่งเป็นแมวเป็นเหตุของอุปสรรค เธอทำให้สภาพของลูกตกลง สำนึกที่เป็นร่างนั้นอันดับหนึ่ง แล้วกิเลสอื่นๆ ก็ตามมา มีความผูกพันยึดมั่นมากมายด้วยเช่นกัน ลูกสาวพูดว่า: ฉันจะทำงานรับใช้ทางจิตเพื่อทำให้บารัตกลายเป็นสวรรค์ แต่เนื่องจากความผูกพันยึดมั่นของพวกเขา พ่อแม่ก็จะพูดว่า: เราจะไม่อนุญาตในสิ่งนี้ มีความผูกพันยึดมั่นมากมาย ลูกต้องไม่กลายเป็นแมวของความผูกพันยึดมั่น พ่อมาและทำให้ลูกกลายเป็นเทพจากมนุษย์ธรรมดา นารายณ์จากมนุษย์ธรรมดา นี่คือเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูก หน้าที่ของลูกคือการรับใช้ผู้ที่เท่าเทียมกับลูกและรับใช้บารัต ลูกรู้ว่าลูกเคยเป็นอะไรและเวลานี้ลูกได้กลายเป็นอะไร เวลานี้ทำความเพียรพยายามอีกครั้งที่จะกลายเป็นราชาเหนือราชา ลูกรู้ว่าลูกกำลังก่อตั้งอาณาจักรของลูกเอง ไม่มีเรื่องของความยากลำบากใดๆในสิ่งนี้ วิธีการที่การทำลายล้างจะเกิดขึ้นนั้นก็ถูกสร้างในละคร ก่อนหน้านี้เช่นกันเคยมีสงครามขีปนาวุธ การทำลายล้างจะเกิดขึ้นเมื่อการเตรียมการทั้งหมดของลูกเกิดขึ้น และลูกทั้งหมดกลายเป็นดอกไม้ บางคนเป็นราชาของดอกไม้ คนอื่นเป็นดอกกุหลาบ และคนอื่นก็เป็นดอกมะลิ ลูกแต่ละคนสามารถเข้าใจได้ด้วยตนเองว่าลูกเป็นดอกอั๊กหรือดอกไม้อีกประเภท มีผู้คนมากมายที่ไม่สามารถซึมซับความรู้นี้ได้เลย ทุกคนต่างลำดับกันไป: จากเป็นผู้ที่สูงสุดอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่ตกต่ำที่สุดอย่างสมบูรณ์ อาณาจักรนั้นถูกสร้างขึ้นที่นี่ ในคัมภีร์ได้มีการแสดงว่าพันดาวาสละลายหายไป ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เรื่องราวมากมายก็ถูกเขียนขึ้น แต่ไม่มีอะไรเช่นนั้นเกิดขึ้น สติปัญญาของลูกๆ เวลานี้กำลังจะกลับมาสะอาดมาก บาบาเฝ้าแต่อธิบายแก่ลูกในวิธีต่างๆ มากมาย มันง่ายมากเพียงแค่จดจำพ่อและมรดกของลูก พ่อพูดว่า:พ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ทั้งลูกดวงวิญญาณและร่างกายของลูกนั้นไม่บริสุทธิ์ เวลานี้ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์ เมื่อดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ ร่างกายก็กลับมาบริสุทธิ์ด้วย ลูกต้องทำความเพียรพยายามมากมาย พ่อพูดว่า: ลูกบางคนก็อ่อนแอมาก พวกเขาลืมจดจำพ่อ บาบาถ่ายทอดประสบการณ์ของท่านเอง: ในขณะที่พ่อรับประทานอาหาร พ่อจดจำว่าชีพบาบากำลังป้อนอาหารให้พ่อ แล้วพ่อก็ลืม และทันใดพ่อก็จดจำได้อีกครั้ง ลูกเช่นกันต่างลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ บางคนเป็นอิสระจากบ่วงพันธะ แต่แล้วพวกเขาก็ติดกับ พวกเขาแม้กระทั่งนำเด็กๆมาเลี้ยงดู เวลานี้ลูกได้พบพ่อแล้ว ผู้ที่ให้ดวงตาที่สามแห่งความรู้นี้แก่ลูกแต่ละคน พวกเขาอ้างถึงสิ่งนี้ว่าเป็นเรื่องราวของการได้รับดวงตาที่สาม เวลานี้ลูกกลายเป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจากผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ลูกๆรู้ว่าพ่อเป็นจุด ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ผู้คนพูดว่าท่านอยู่เหนือรูปและนาม โอ้! แต่เพราะท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้ อย่างแน่นอนท่านคือผู้เดียวที่พูดความรู้นี้ รูปของท่านถูกแสดงว่าเป็นภาพลักษณ์รูปไข่ ดังนั้นท่านจะอยู่เหนือรูปและนามได้อย่างไร? ได้มีการให้ชื่อแก่ท่านนับร้อยๆชื่อ ความรู้ทั้งหมดนี้ควรอยู่ในสติปัญญาของลูกๆอย่างดีมาก มีการกล่าวว่าพระเจ้าคือมหาสมุทรแห่งความรู้ แม้ว่าทั้งป่าจะถูกทำให้เป็นปากกา และมหาสมุทรเป็นหมึก ก็ไม่มีที่สิ้นสุดของความรู้นี้ อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. เวลานี้พ่อได้ทำให้ลูกมีค่าเต็มบาท ลูกกำลังจะกลายเป็นเทพ ดังนั้นรักษาความซาบซึ้งของการกลายเป็นเหมือนนารายณ์ กลับมาเป็นอิสระจากบ่วงพันธะ และทำงานรับใช้ อย่าได้ติดกับในบ่วงพันธะใดๆ

2. กลับมาฉลาดในความรู้และโยคะ และกลายเป็นราชาดอกไม้เช่นแม่และพ่อ รับใช้ผู้ที่ทัดเทียมกับลูกด้วยเช่นกัน

พร:
ขอให้ลูกให้ความร่วมมือโดยการใช้สมบัติมีค่าทั้งหมดของลูกเพื่อรับใช้ดวงวิญญาณทั้งหมด และด้วยเหตุนี้กลายเป็นโยคีที่ง่ายดาย

วิธีที่จะกลายเป็นโยคีที่ง่ายดาย คือการพิจารณาว่าตนเองเป็นผู้รับใช้ และรับใช้ดวงวิญญาณทั้งหมดของโลกด้วยทั้งหมดของความคิด คำพูด และการกระทำ และใช้ทุกสิ่งเพื่องานรับใช้ ไม่ว่าสมบัติมีค่าใดก็ตามของพลัง คุณธรรม ความรู้นี้ และเวลาเพื่อการหารายได้ที่สูงส่งที่ลูกได้รับจากพ่อในชีวิตบราห์มินนี้ จงใช้ทั้งหมดนี้เพื่อการทำงานรับใช้ นั่นคือให้ความร่วมมือ และลูกจะกลายเป็นโยคีที่ง่ายดาย อย่างไรก็ตามเพียงผู้ที่เต็มเปี่ยมเท่านั้นที่สามารถให้ความร่วมมือได้ ดังนั้นการให้ความร่วมมือหมายถึงการเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่

คติพจน์:
กลายเป็นผู้ที่มีการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัด และสันสการ์ทั้งหมดของการถูกดึงดูดก็จะจบสิ้นอย่างง่ายดาย

สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: สะสมพลังแห่งความคิดและกลายเป็นเครื่องมือสำหรับงานรับใช้ที่สูงส่ง

เช่นที่ลูกกำหนดโปรแกรมการทำงานทางกายภาพตามตารางเวลาประจำวันของลูก ในทำนองเดียวกัน จงกำหนดโปรแกรมสำหรับสภาพที่ทรงพลังของจิตใจของลูก และลูกจะสะสมพลังของความคิด มากเท่าที่ลูกทำให้จิตใจของลูกไม่ว่างเว้นอยู่กับความคิดที่ทรงพลัง ตามนั้นที่จิตใจของลูกจะไม่มีเวลาที่จะหงุดหงิด เมื่อจิตใจของลูกตั้งมั่นอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือเมื่อจิตใจจดจ่อเป็นสมาธิ กระแสจิตที่ดีก็จะกระจายออกไปโดยอัตโนมัติ และงานรับใช้ก็จะเกิดขึ้น