09.05.25 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน
ลูกควรจะมีความซาบซึ้งว่าชีวาที่ทุกคนกราบไหว้บูชาได้กลายเป็นพ่อของลูกและเวลานี้ลูกกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าท่านเป็นการส่วนตัว
คำถาม:
เหตุใดผู้คนจึงร้องขอให้พระเจ้าให้อภัย? พวกเขาได้รับการให้อภัยหรือไม่?
คำตอบ:
ผู้คนเชื่อว่าพระเจ้าจะลงโทษพวกเขาผ่านธรรมราช(ผู้พิพากษาสูงสุด)
สำหรับบาปที่พวกเขาได้ทำมา เหตุนื้เองพวกเขาจึงร้องขอการให้อภัย
อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องทุกข์ทรมานสำหรับบาปของพวกเขาในรูปของความทุกข์ทรมานของกรรม
พระเจ้าไม่ได้ให้ยาใดๆแก่พวกเขา พวกเขาต้องมีประสบการณ์ของการลงโทษในกรงขังของครรภ์
พวกเขาได้รับนิมิตของสิ่งที่พวกเขาทำ “เพราะลูกไม่ทำตามคำแนะนำของพระเจ้า
นี่เป็นการลงโทษสำหรับสิ่งนั้น”
เพลง:
ลูกสูญเสียเวลากลางคืนในการหลับนอนและกลางวันในการรับประทาน...
โอมชานติ
ใครพูดสิ่งนี้? พ่อทางจิตพูดสิ่งนี้ ท่านคือพ่อที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
ท่านนั้นสูงยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งหมดและสูงกว่าทุกดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน
มีดวงวิญญาณในแต่ละคน ลูกได้รับร่างกายเพื่อที่จะเล่นบทบาทของลูก
เวลานี้ลูกสามารถเห็นได้ว่ามีความนับถือต่อร่างกายของซันยาสีฯลฯมากเพียงใด
ผู้คนสรรเสริญกูรูฯลฯของพวกเขา อย่างมาก พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดนี้แฝงตัว ลูกๆ
เข้าใจว่าชีพบาบานั้นสูงสุดเหนือสิ่งใด ไม่มีใครสูงกว่าท่าน ธรรมราชนั้นอยู่กับท่าน
เหตุนี้เองผู้คนในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาจึงร้องขอการให้อภัย “โอพระเจ้าได้โปรดให้อภัยแก่ฉัน!”
แต่พระเจ้าจะสามารถทำอะไรได้? ที่นี่รัฐบาลจะจับใครบางคนเข้าคุก
ธรรมราชนั้นจะให้การลงโทษในกรงขังของครรภ์
จะต้องมีความทุกข์ทรมานต่อผลการกระทำตามมาและสิ่งนี้ถูกเรียกว่าความทุกข์ทรมานของกรรม
เวลานี้ลูกรู้ว่าใครที่ทุกข์ทรมานกับการกระทำของเขาและอะไรเกิดขึ้น ผู้คนพูดว่า “โอ
พระเจ้า ได้โปรดให้อภัยให้แก่ฉัน
ขจัดความเจ็บปวดและความทุกข์ของฉันและให้ความสุขแก่ฉัน”
พระเจ้าให้ยาอะไรให้แก่ลูกหรือไม่? ท่านไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้นทำไมพวกเขาถึงถามพระเจ้าเกี่ยวกับสิ่งนั้น?
เพราะธรรมราชอยู่กับพระเจ้าด้วยเช่นกัน
เมื่อลูกทำบางสิ่งผิดก็จะต้องรับความทุกข์จากสิ่งนั้นอย่างแน่นอน
การลงโทษได้รับในกรงขังของครรภ์ ลูกจะไดัรับนิมิตของทุกสิ่งที่ลูกได้ทำไป
การลงโทษจะไม่เกิดขึ้นหากไม่ได้แสดงนิมิตของสิ่งที่ลูกทำก่อน
ไม่มียาฯลฯในกรงขังของครรภ์ ต้องมีประสบการณ์ของการรับโทษที่นั่น
เมื่อพวกเขามีประสบการณ์ของความทุกข์ พวกเขาก็พูดว่า “พระเจ้าปลดปล่อยฉันจากกรงขังนี้!”
ลูกๆ กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าใครเวลานี้? พ่อคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
แต่ท่านนั้นแฝงตัว ร่างกายของทุกคนนั้นสามารถมองเห็นได้
ในขณะที่นี่ชีพบาบาไม่มีมือหรือเท้าของท่านเอง แล้วใครที่จะรับดอกไม้ฯลฯ
หากท่านต้องการท่านก็จะรับสิ่งนั้นผ่านมือนี้
อย่างไรก็ตามท่านจะไม่ยอมรับสิ่งใดจากใคร เช่นที่สังคราจารย์พูดว่า
ไม่มีใครควรแตะต้องตัวเขา ดังนั้นเช่นกันพ่อพูดว่า:
พ่อจะรับสิ่งใดจากคนที่ไม่บริสุทธิ์ได้อย่างไร? พ่อไม่ต้องการดอกไม้ฯลฯ
ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธามีการสร้างวัดและถวายดอกไม้ที่วัดโสมนาถฯลฯ
อย่างไรก็ตามพ่อไม่ได้มีร่างของพ่อเอง จะมีใครสามารถสัมผัสดวงวิญญาณได้อย่างไร?
ท่านพูดว่า: พ่อจะสามารถรับดอกไม้จากผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ได้อย่างไร?
ไม่มีใครแม้กระทั่งสามารถแตะต้องท่านได้
ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องท่าน วันนี้พวกเขาอาจจะพูดว่า“บาบา”
ในขณะที่วันพรุ่งนี้พวกเขาก็จะกลายเป็นชาวนรก
บาบาจะไม่แม้กระทั่งมองดูผู้คนเหล่านั้น พ่อพูดว่าพ่อเป็นผู้สูงสุดเหนือสิ่งใด
ตามละครพ่อต้องยกระดับซานยาสซีฯลฯด้วยเช่นกัน ไม่มีใครรู้จักพ่อเลย
ผู้คนกราบไหว้บูชาชีวา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าท่านคือพระเจ้าแห่งกีตะ
และท่านมาที่นี่เพื่อให้ความรู้นี้แก่เรา ชื่อของศรีกฤษณะถูกใส่ไว้ในกีตะ
ถ้าศรีกฤษณะให้ความรู้ แล้วชีวาจะทำอะไร? ดังนั้นผู้คนคิดว่าท่านไม่เคยมาเลย โอ!
แต่ลูกจะไม่เรียกศรีกฤษณะว่าผู้ชำระให้บริสุทธิ์
พ่อนั้นถูกเรียกว่าผู้ชำระให้บริสุทธิ์
มีเพียงลูกไม่กี่คนที่สามารถมีความเคารพนับถือได้มากเช่นนั้น
ท่านอยู่อย่างเรียบง่ายอย่างมากและอธิบายว่า: พ่อคือพ่อของผู้รู้ฯลฯทั้งหมด
พ่อคือพ่อของทุกดวงวิญญาณด้วยเช่นกันแม้กระทั่งสังคราจารย์ฯลฯ
แน่นอนว่าพ่อทางร่างของพวกเขามีร่างกาย แต่พ่อคือพ่อของดวงวิญญาณทั้งหมด
ทุกคนกราบไหว้บูชาพ่อ เวลานี้พ่อนั่งที่นี่เป็นการส่วนตัวเบื้องหน้าลูก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ลูกทั้งหมดที่จะเข้าใจว่าลูกกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าใคร
ดวงวิญญาณเคยกลับมามีสำนึกที่เป็นร่างเป็นเวลาชาติแล้วชาติเล่า
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจดจำพ่อ พวกเขาเฝ้าแต่มองดูร่างกาย
หากพวกเขากลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
พวกเขาก็จะสามารถจดจำพ่อได้และทำตามศรีมัทของท่าน พ่อพูดว่า:
ทุกคนทำความเพียรพยายามที่จะรู้จักพ่อ
เพียงผู้ที่กลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสมบูรณ์ในเวลาสุดท้ายเท่านั้นที่จะสอบผ่าน
สำนึกที่เป็นร่างเล็กน้อยจะยังคงหลงเหลืออยู่ในลูก พ่อนั้นแฝงตัว
ลูกไม่สามารถให้สิ่งใดแก่ท่านได้ ลูกสาวสามารถไปที่วัดของชีวาเพื่อให้คำอธิบาย
เป็นลูกกุมารีที่ให้คำแนะนำของชีพบาบา แน่นอนว่ามีทั้งกุมารและกุมารี
กุมารต้องให้คำแนะนำแก่ผู้อื่นด้วย
ผู้เป็นแม่ก็ได้รับการยกระดับเป็นพิเศษเพราะพวกเธอนั้นทำงานรับใช้มากกว่าผู้ชาย
ดังนั้นลูกๆ ควรมีความสนใจในการทำงานรับใช้
เช่นเดียวกับที่มีความใส่ใจอย่างมากในการศึกษาอื่นๆ นั่นคือทางโลก
ในขณะที่นี่คือทางจิต ด้วยการศึกษาทางโลกและเรียนรู้การฝึกฝนฯลฯ
ลูกไม่ได้รับอะไรเลย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคู่รักมีลูก
พวกเขาก็จะเฉลิมฉลองการตั้งชื่อของเขา (ในวันที่ 6)
ด้วยการแสดงอย่างเอิกเกริกฯลฯมากมาย แต่เขาจะได้รับอะไร
ไม่มีเวลามากพอสำหรับเขาที่ได้มาซึ่งสิ่งใด
ใครก็ตามที่ได้จากร่างไปจากที่นี่ในตอนนี้จะต้องกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่อีกครั้งด้วยเช่นกัน
แต่เขาจะไม่สามารถเข้าใจสิ่งใดเลย
ใครก็ตามที่ศึกษาเล่าเรียนที่นี่และจากร่างของเขาก็จะไปและจดจำชีพบาบาในวัยเด็กของเขาต่อไปตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา
นี่คือมันตรา หากลูกพยายามที่จะสอนเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าใจสิ่งใดเกี่ยวกับจุดเล็กๆ
ฯลฯ เขาก็เพียงแค่พูดว่า “ชีพบาบา ชีพบาบา”
จดจำชีพบาบาแล้วลูกจะได้รับมรดกแห่งสวรรค์ หากลูกอธิบายให้แก่พวกเขาในลักษณะนี้
เขาก็สามารถไปสู่สวรรค์ แต่เขาจะไม่สามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง
มีลูกเช่นนั้นมากมายผู้ที่มาและเฝ้าแต่พูดว่า “ชีพบาบา ชีพบาบา”
และแล้วความคิดสุดท้ายของพวกเขาจะนำเขาไปสู่จุดหมายปลายทาง
อาณาจักรกำลังมีการก่อตั้ง ผู้คนกราบไหว้บูชาชีวา แต่พวกเขาไม่รู้สิ่งใดเลย
เช่นที่เด็กเล็กๆเฝ้าแต่พูดว่า “ชีวา ชีวา” แต่ไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
ดังนั้นที่นี่เช่นกันผู้คนกราบไหว้บูชาท่าน แต่ไม่ได้มีการตระหนักรู้นั้น
ดังนั้นลูกควรจะบอกพวกเขาว่า: “ผู้ที่ท่านกำลังกราบไหว้บูชานั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้และท่านคือพระเจ้าแห่งกีตะ
ท่านกำลังสอนเรา”
ไม่มีมนุษย์อื่นใดในโลกที่จะพูดว่าซีพบาบากำลังสอนราชาโยคะแก่พวกเขา
มีเพียงลูกๆเท่านั้นที่รู้สิ่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามลูกก็ลืม พระเจ้าพูด:
พ่อสอนราชาโยคะแก่ลูก ใครพูดว่า: "พระเจ้าพูด:
ตัณหาราคะคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นสิ่งที่ต้องเอาชนะ?” จงละทิ้งโลกเก่า
หัตถะโยคีคือผู้สละละทิ้งที่มีขีดจำกัด ผู้นั้นคือสังคราจารย์
และผู้เดียวนี้คือชีวาจารย์ (ชีวาผู้เป็นครู) ท่านกำลังสอนเรา ลูกไม่สามารถพูดว่า “ศรีกฤษณาจารย์”(กฤษณะซึ่งเป็นครู)
เขาคือเด็กเล็กๆ ไม่จำเป็นสำหรับความรู้นี้ในยุคทอง ลูกๆ
สามารถทำงานรับใช้ที่ดีมากที่ใดก็ตามที่เป็นวัดของชีวา ไปที่วัดของชีวา
หากผู้เป็นแม่ไปที่นั่น ก็เป็นสิ่งดี แต่หากกุมารีไปที่นั่นก็จะดียิ่งกว่า
บอกพวกเขาว่า: “เวลานี้เราต้องประกาศสิทธิ์ในโชคของอาณาจักรของเราจากบาบา
พ่อกำลังสอนเราและแล้วเราก็จะกลายเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินี
พ่อคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด ไม่มีมนุษย์ใดสามารถให้คำสอนเช่นนี้แก่เราได้
นี่คือยุคเหล็ก เคยมีอาณาจักรของพวกเขาในยุคทอง
พวกเขากลายเป็นราชาและราชินีได้อย่างไร?
ใครสอนราชาโยคะแก่พวกเขาที่ทำให้พวกเขากลายเป็นนายแห่งยุคทอง?
ผู้เดียวที่คุณกำลังกราบไหว้บูชาอยู่กำลังสอนเราและกำลังทำให้เรากลายเป็นนายแห่งยุคทอง
การก่อตั้งเกิดขึ้นผ่านบราห์มา การหล่อเลี้ยงผ่านวิษณุ....
ผู้ที่เป็นของหนทางครอบครัวที่ไม่บริสุทธิ์ก็ไปและแล้วเป็นของหนทางครอบครัวที่บริสุทธิ์”
พวกเขาพูดว่า: “บาบาทำให้เราที่ไม่บริสุทธิ์กลับมาบริสุทธิ์
ชำระเราและทำให้เราไปเป็นเทพ” ที่นั่นเป็นหนทางครอบครัวเช่นกัน
พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะกลายเป็นกูรูของหนทางสันโดษ
ลูกสามารถกลายเป็นกูรูของผู้ที่กลับมาบริสุทธิ์
มีความเป็นมิตรมากมายผู้ที่ไม่ได้แต่งงานเพื่อกิเลส
ดังนั้นลูกๆสามารถทำงานรับใช้ทุกประเภทเหล่านี้ได้ทั้งหมด
ควรมีความใส่ใจนี้อย่างมากภายในลูก “ทำไมเราถึงไม่กลายเป็นลูกๆที่มีค่าของบาบาและไปทำงานรับใช้เช่นนั้น?”
การทำลายล้างของโลกเก่านั้นอยู่เบื้องหน้าลูก ชีพบาบาพูดว่า:
กฤษณะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ เขามาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในยุคทอง
เขาไม่สามารถมีรูปลักษณะเดียวกันและชื่อเดียวกันในชาติเกิดอื่น ใน 84
ชาติเกิดเขาจะมี 84 รูปลักษณะ ศรีกฤษณะไม่สามารถสอนความรู้นี้ให้แก่ใครได้
ศรีกฤษณะจะสามารถมาที่นี่ได้อย่างไร? เวลานี้ลูกเข้าใจสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
เป็นเวลาครึ่งวงจรที่ลูกมีชาติเกิดที่ดีมาก และแล้วอาณาจักรของราวันก็เริ่มต้นขึ้น
มนุษย์ได้กลายเป็นเช่นสัตว์อย่างสมบูรณ์
พวกเขาเฝ้าแต่ต่อสู้รบราและทะเลาะเบาะแว้งกันและกัน มันเป็นการเกิดของราวันใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ว่าดวงวิญญาณจะใช้ 84 ล้านชาติเกิด
มีเผ่าพันธุ์ที่หลากหลายมากมาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า
ดวงวิญญาณนั้นจะใช้ชาติเกิดมากมาย พ่อนั่งที่นี่และอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้
ท่านคือพระเจ้าผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด ท่านสอนเราและผู้นี้ก็อยู่ถัดไปจากท่าน
หากลูกไม่ศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดี ลูกก็กลายเป็นสาวใช้หรือคนรับใช้ของใครบางคน
ลูกก็จะกลายเป็นสาวใช้หรือคนรับใช้ของชีพบาบาหรือ? พ่ออธิบาย:
เมื่อลูกไม่ศึกษาเล่าเรียนลูกจะไปและกลายเป็นสาวใช้หรือคนรับใช้ในยุคทอง
ใครบางคนจะกลายเป็นอะไรถ้าเขาไม่ได้ทำงานรับใช้อะไรเลยนอกจากกินดื่มและนอน?
มันเข้าไปอยู่ในสติปัญญาของลูกว่าลูกจะกลายเป็นอะไรและลูกก็ยังคงรู้สึกว่า "ฉันจะกลายเป็นจักรพรรดิ!”
พวกเขาจะไม่แม้กระทั่งมาอยู่เบื้องหน้าบาบา
พวกเขาเข้าใจด้วยตัวเองว่าพวกเขาจะเป็นอะไร แต่พวกเขาก็ยังคงไม่รู้สึกละอายใดๆ
พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเขาต้องทำความก้าวหน้าและได้มาซึ่งบางสิ่งเพื่อตนเอง
เหตุนี้เองบาบาพูดว่า: อย่าได้คิดว่าเป็นบราห์มานี้ที่บอกสิ่งเหล่านี้แก่ลูก
คิดเสมอว่าเป็นชีพบาบาที่กำลังบอกลูก ลูกต้องมีความเคารพต่อชีพบาบา
ธรรมราชอยู่กับท่าน มิฉะนั้นจะต้องมีประสบการณ์ของการลงโทษอย่างมากจากธรรมราช
กุมารีต้องกลายเป็นผู้ที่ฉลาดมาก มันไม่ใช่ว่าลูกได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่นี่
แต่ทันทีที่ลูกออกไปข้างนอกทุกสิ่งก็จบสิ้นลง
มีการขยายตัวอย่างมากในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา พ่อพูดว่า: เวลานี้จงละทิ้งยาพิษ
กลายเป็นผู้อยู่อาศัยของสวรรค์ สร้างคติพจน์เช่นนี้ กลายเป็นราชสีห์ที่กล้าหาญ
ลูกได้พบพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นทำไมลูกถึงใส่ใจกับสิ่งอื่นเล่า?
รัฐบาลก็ไม่ได้เชื่อในเรื่องศาสนาใด
ดังนั้นพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนมนุษย์ไปเป็นเทพได้อย่างไร? พวกเขาพูดว่า: “เราไม่เชื่อในศาสนาใดโดยเฉพาะ
เราถือว่าทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นเช่นเดียวกัน”
ในกรณีนั้นแล้วทำไมท่านถึงต่อสู้รบราและทะเลาะเบาะแว้งกัน? มีแต่ความหลอกลวง
เเละไม่มีอะไรนอกจากความหลอกลวงในทุกหนแห่ง ไม่มีร่องรอยของสัจจะในที่ใดเลย
การพูดเห็จครั้งแรกว่าพระเจ้าอยู่ในทุกหนแห่ง ไม่มีศาสนาใดเช่นศาสนาฮินดู
คริสต์เตียนมีศาสนาของตนเอง พวกเขาไม่เปลี่ยนตนเอง(ศาสนาของพวกเขา)
เป็นเพียงผู้คนของบารัตเท่านั้นที่เปลี่ยนศาสนาของพวกเขาและพูดว่าพวกเขาเป็นชาวฮินดู
เพียงแค่ดูชื่อที่พวกเขาตั้งให้กับตนเอง “ศรีนั้นศรีนี้...”
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถเป็นศรีได้ นั่นคือเป็นผู้ที่สูงส่งในเวลานี้
ไม่มีใครแม้กระทั่งให้ศรีมัทได้ เหล่านั้นเป็นเพียงหนทางของยุคเหล็กของพวกเขา
ลูกจะบอกได้อย่างไรว่านั่นคือศรีมัท? หากลูกกุมารีกลับมาความตื่นตัวและคล่องแคล่ว
ลูกก็สามารถอธิบายให้แก่ใครก็ตามได้
อย่างไรก็ตามลูกสาวที่โยคยุกต์ที่ฉลาดและดีมากนั้นเป็นที่ต้องการ อัจชะ
ถึงลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
เพื่อที่จะทำความก้าวหน้าจง ข้องแวะอยู่ในงานรับใช้ของพ่อ เพียงแค่กินดื่มและนอน
หมายถึงการสูญเสียสถานภาพของลูก
2.
มีความเคารพนับถือต่อพ่อและคำสอนของท่าน
ทำความเพียรพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
ซึมซับคำสอนของพ่อและกลับมาเป็นลูกที่มีค่าและเชื่อฟัง
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้รับใช้ที่โยคยุกต์และยุกตียุกต์และคงอยู่เหนือในขณะที่ทำงานรับใช้
ผู้ที่เป็นผู้รับใช้ที่โยคยุกต์และยุกตียุกต์จะคงอยู่เหนืออย่างสม่ำเสมอในขณะที่ทำงานรับใช้
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถกลับมาปราศจากร่างเพราะพวกเขามีงานรับใช้มากมายที่ต้องทำ
เมื่อลูกจดจำว่านั่นไม่ใช่งานรับใช้ของลูก แต่เป็นสิ่งที่พ่อให้แก่ลูก
ลูกก็จะอยู่อย่างเป็นอิสระจากบ่วงพันธะ จงฝึกฝน: ฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์
ฉันเป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
ในช่วงเวลาที่สำคัญให้ฝึกฝนสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรมซึ่งเป็นสภาพสุดท้ายของลูก
เช่นเดียวกับที่ลูกควบคุมการจราจรของความคิดของลูกเป็นครั้งคราว
ในทำนองเดียวกันในช่วงเวลาที่สำคัญจงมีประสบการณ์กับสภาพสุดท้ายและลูกจะสามารถสอบผ่านด้วยเกียรตินิยมในช่วงเวลาสุดท้าย
คติพจน์:
ความปรารถนาดีเปลี่ยนคำแก้ตัวให้เป็นการแก้ไขปัญหา
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
สร้างสมบุคลิกภาพของความสูงส่งและความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ
ความบริสุทธิ์คือคุณสมบัติพิเศษของชาติเกิดบราห์มินพิเศษของลูก
ความคิดที่บริสุทธิ์คืออาหารสำหรับสติปัญญาบราห์มินของลูก
ดริสตีที่บริสุทธิ์คือแสงของดวงตาบราห์มินของลูก
การกระทำที่บริสุทธิ์คือธุรกิจพิเศษของชีวิตบราห์มินของลูก
ความสัมพันธ์และสายใยที่บริสุทธิ์คือระเบียบวินัยสูงสุดในชีวิตบราห์มินของลูก
อย่าได้ใช้แรงในการนำบางสิ่งที่สูงส่งมากมาใช้
อย่าได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้ด้วยการออกแรง ความบริสุทธิ์นี้คือพรของชีวิตของลูก