12.09.25       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน ทุกสิ่งในการศึกษาของลูกขึ้นอยู่กับโยคะ ด้วยการมีโยคะที่ลูกดวงวิญญาณจะกลับมาบริสุทธิ์และลูกจะเป็นอิสระจากบาปของลูก

คำถาม:
ลูกบางคนเป็นของพ่อและแล้วก็ปล่อยมือของท่านไป เหตุผลสำหรับสิ่งนี้คืออะไร?

คำตอบ:
ลูกบางคนหย่าขาดจากพ่อและปล่อยมือของท่าน แม้กระทั่งหลังจากที่เป็นของท่านมาเป็นเวลา 8 ถึง 10 ปี สิ่งนี้เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักรู้จักพ่ออย่างเต็มที่และไม่มีสติปัญญาที่มีศรัทธา สถานภาพของพวกเขาจึงถูกทำลาย เมื่อลูกๆมีสายตาที่เป็นอาชญากรก็จะมีลางที่ไม่ดีของมายาและสภาพของพวกเขาก็ขึ้นลง และแล้วพวกเขาก็หยุดศึกษาเล่าเรียน

โอมชานติ
พ่อทางจิตอธิบายแก่ลูกๆ ทางจิต เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกทั้งหมดเป็นลูกๆ ทางจิตของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด ลูกเรียกเราว่าบัพดาดา เช่นที่ลูกเป็นลูกๆทางจิตดังนั้นผู้นี้ (บราห์มา) ก็เป็นลูกทางจิตของชีพบาบาด้วยเช่นกัน ชีพบาบาต้องการพาหนะอย่างแน่นอน ดังนั้นเช่นที่ลูกดวงวิญญาณได้รับอวัยวะเพื่อที่จะมีการกระทำ ในทำนองเดียวกัน ชีพบาบาก็ได้รับพาหนะนี้ นี่คือสนามของการกระทำที่จะต้องมีการกระทำเกิดขึ้น นั่นคือบ้านที่ดวงวิญญาณอาศัยอยู่ ลูกดวงวิญญาณรู้ว่าบ้านของลูกคือดินแดนแห่งความสงบ ที่ซึ่งไม่มีการแสดงละครใดๆ ไม่มีแสงสว่างฯลฯ ที่นั่นดวงวิญญาณแค่อาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขามาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของพวกเขา สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่านี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด ลูกๆรู้เกี่ยวกับการแสดงที่นักแสดงได้แสดงออกมาทั้งหมดตั้งแต่ตอนต้น ตอนกลางถึงตอนจบตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ ไม่ใช่ผู้รู้หรือนักบวชที่นี่ที่อธิบายให้แก่ลูก ลูกๆกำลังนั่งอยู่ที่นี่กับพ่อไม่มีขีดจำกัด เวลานี้เราต้องกลับบ้าน ดวงวิญญาณต้องกลับมาบริสุทธิ์อย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าร่างกายจะกลับมาบริสุทธิ์ที่นี่ด้วยเช่นกัน ไม่เลย เป็นดวงวิญญาณที่กลับมาบริสุทธิ์ ร่างกายจะกลับมาบริสุทธิ์เมื่อวัตถุธาตุทั้ง 5 กลับมาสะโตประธาน เวลานี้ลูกดวงวิญญาณกำลังทำความเพียรพยายามที่จะกลับมาบริสุทธิ์ ที่นั่นทั้งดวงวิญญาณและร่างกายบริสุทธิ์ ไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ที่นี่ เมื่อลูกดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ลูกจะจากร่างเก่าของลูก และแล้วร่างกายใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาจากวัตถุธาตุใหม่ ลูกแต่ละคนรู้ว่าไม่ว่าลูกดวงวิญญาณกำลังจดจำพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดหรือไม่ ลูกแต่ละคนต้องถามคำถามนี้กับตนเอง ทุกสิ่งในการศึกษานี้ขึ้นอยู่กับโยคะ การศึกษานี้ง่ายดายอย่างมาก ลูกเข้าใจว่าวงจรหมุนไปอย่างไร สิ่งหลักคือการจาริกแสวงบุญแห่งความทรงจำระลึกถึงซึ่งอยู่ภายในและแฝงตัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งนั้น บาบาไม่สามารถบอกได้ว่าใครมีการจดจำระลึกถึงมากหรือน้อย ใช่ สำหรับความรู้นี้ ลูกสามารถบอกได้ว่าบางคนฉลาดมากในวิชานั้น ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับการจดจำระลึกถึงที่มองเห็นได้ ความรู้พูดผ่านปาก การจดจำระลึกถึงเป็นมนตราที่ไม่สามารถสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอได้ คำว่า “สวดมนต์” เป็นของหนทางความเลื่อมใสศรัทธา การสวดมนต์หมายถึงการสวดชื่อของใครบางคน ที่นี่ลูกดวงวิญญาณต้องจดจำพ่อของลูก ลูกรู้ว่าโดยการจดจำพ่อของลูกอย่างต่อเนื่องและโดยการกลับมาบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง ลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้นและความสงบ ไม่ใช่ว่าลูกจะได้รับการหลุดพ้นจากละคร “การหลุดพ้น” หมายถึงการได้รับการหลุดพ้นจากความทุกข์ ลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและแล้วก็ไปสู่ดินแดนแห่งความสุข ผู้ที่กลับมาบริสุทธิ์จะได้สัมผัสกับความสุข และมนุษย์ที่ไม่บริสุทธิ์รับใช้พวกเขา มีคำยกย่องของผู้ที่บริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่ต้องใช้ความพยายาม ดวงตาของลูกหลอกลวงลูกอย่างมากและลูกก็ตกต่ำ ทุกคนต้องขึ้นลง ทุกคนมีประสบการณ์ของลางร้าย แม้ว่าบาบาจะพูดว่าลูกสามารถอธิบายได้ด้วยเช่นกัน แต่ท่านก็พูดว่า: จำเป็นต้องมีกูรูผู้เป็นแม่ เพราะทุกวันนี้มีระบบของกูรูผู้เป็นแม่ ก่อนหน้านี้เคยเป็นพ่อ เวลานี้เป็นแม่ผู้ที่ได้รับไหก่อน ส่วนใหญ่คือผู้เป็นแม่ กุมารีผูกรักกี้สำหรับความบริสุทธิ์ พระเจ้าพูดว่า: ตัณหาราคะคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จงเอาชนะมัน! รักชาบันดานเป็นเทศกาลแห่งความบริสุทธิ์ ผู้คนเหล่านั้นผูกรักกี้แต่พวกเขาไม่ได้กลับมาบริสุทธิ์ รักกี้ทั้งหมดเหล่านั้นเป็นของเทียม ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ลูกบริสุทธิ์ได้ ลูกจำเป็นต้องมีความรู้นี้สำหรับสิ่งนั้น เวลานี้ลูกผูกรักกี้ให้กับพวกเขา ลูกยังสามารถอธิบายความหมายของรักกี้และให้พวกเขาทำสัญญา ชาวซิกส์สวมใส่กำไลเหล็กเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลับมาบริสุทธิ์เช่นกัน ผู้ชำระความไม่บริสุทธิ์และผู้ประทานการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์สำหรับทุกคนเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้น ท่านเป็นชีวิตที่ไม่มีร่างกาย น้ำในแม่น้ำคงคามองเห็นได้ด้วยดวงตาทั้งสองนี้ พ่อผู้ประทานการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาทั้งสองนี้ ไม่มีใครสามารถเห็นได้ว่าดวงวิญญาณเป็นอย่างไร มีการกล่าวว่ามีดวงวิญญาณในแต่ละร่างกาย แต่มีใครเคยเห็นบ้างไหม? พวกเขาพูดว่า “ไม่” ทุกสิ่งที่มีชื่อปรากฏให้เห็นได้อย่างแน่นอน ดวงวิญญาณก็มีชื่อเช่นกัน มีการกล่าวว่าดวงดาวที่น่าอัศจรรย์ส่องแสงอยู่ตรงกลางหน้าผาก อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ พวกเขาจดจำดวงวิญญาณสูงสุดแต่ไม่สามารถมองเห็นท่านได้ ลักษมีและนารายณ์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเหล่านี้ แม้ว่าผู้คนจะกราบไหว้ลิงกั้ม แต่นั่นก็ไม่ถูกต้อง แม้ว่าพวกเขาจะเห็นสิ่งนั้น พวกเขาก็ไม่รู้ว่าดวงวิญญาณสูงสุดคือใคร ไม่มีใครสามารถรู้สิ่งนี้ได้ ดวงวิญญาณเป็นจุดที่เล็กมาก ดวงวิญญาณไม่สามารถเห็นได้ ทั้งดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุดไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ทั้งสองสามารถเข้าใจได้ เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าบาบาของลูกได้เข้ามาในผู้นี้ ดวงวิญญาณนี้มีร่างของตนเองและแล้วก็มีพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดพูดว่า: พ่ออยู่ในพาหนะของผู้นี้ เหตุนี้เองที่ลูกเรียกเราว่าบัพดาดา ลูกสามารถเห็นดาด้าด้วยดวงตาของลูก แต่ลูกไม่สามารถเห็นพ่อได้ ลูกรู้ว่าบาบาเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้และท่านกำลังให้ความรู้นี้แก่ลูกผ่านร่างกายนี้ ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้และผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่มีตัวตนจะชี้หนทางให้ลูกเห็นด้วยวิธีอื่นได้อย่างไร? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นผ่านแรงบันดาลใจ ไม่มีใครรู้ว่าพระเจ้ามา ผู้คนเฉลิมฉลองวันเกิดของชีวาด้วยเช่นกัน ดังนั้นท่านต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน ลูกรู้ว่าท่านกำลังสอนลูกอยู่เวลานี้ บาบาเข้ามาในผู้นี้และสอนลูก เนื่องจากการที่ไม่ได้ตระหนักรู้จักพ่ออย่างเต็มที่และไม่มีศรัทธาในสติปัญญา บางคนก็หย่าขาดจากพ่อแม้กระทั่งหลังจาก 8 ถึง 10 ปี มายาทำให้พวกเขาตาบอดอย่างสิ้นเชิง เมื่อลูกจากพ่อหลังจากที่ได้เป็นของท่าน สถานภาพของลูกก็ถูกทำลาย ลูกๆเวลานี้ได้รับคำแนะนำของพ่อ ดังนั้นลูกต้องให้สิ่งนั้นแก่ผู้อื่นด้วย ฤาษีและมุนีได้พูดว่า “เนติ เนติ” (ไม่ใช่สิ่งนั้น ไม่ใช่สิ่งนี้) ก่อนหน้านี้ลูกไม่ได้รู้ถึงสิ่งนั้นด้วยเช่นกัน เวลานี้ลูกพูดว่าลูกรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับท่านและดังนั้นลูกจึงกลายเป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า ลูกรู้ด้วยเช่นกันว่าวงจรของโลกหมุนไปอย่างไร พร้อมกันกับทั้งโลก ลูกเช่นกัน ก่อนได้มาศึกษาสิ่งนี้ลูกเคยเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า เวลานี้ที่พ่อได้อธิบายแก่ลูก ลูกพูดว่าพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดได้อธิบายแก่ลูก และทำให้ลูกกลายเป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า เราไม่ได้รู้ถึงผู้สร้างหรือตอนเริ่ม ตอนกลางหรือตอนจบของสิ่งสร้าง พ่อคือผู้สร้าง ท่านมาในยุคบรรจบพบกันเพื่อก่อตั้งโลกใหม่และทำลายโลกเก่า นี่คือสงครามมหาภารตะเพื่อการทำลายล้างโลกเก่า ที่พวกเขาเชื่อว่ากฤษณะเคยอยู่ในเวลานั้น เวลานี้ลูกเข้าใจว่าเป็นพ่อที่ไม่มีตัวตนผู้ที่ได้มา ท่านไม่สามารถมองเห็นได้ มีรูปภาพของศรีกฤษณะ เขาสามารถเห็นได้ ชีวาไม่สามารถเห็นได้ ศรีกฤษณะเป็นเจ้าชายของยุคทอง ท่านไม่สามารถเป็นผู้ที่มีรูปลักษณะเช่นเดิมอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่หรืออย่างไรที่ศรีกฤษณะมา พวกเขาแสดงศรีกฤษณะอยู่ในกรงขังของคานส์ (ปีศาจร้าย) คานส์คงอยู่ในยุคทองหรือ? สิ่งนั้นเป็นไปได้อย่างไร? คานส์เป็นปีศาจร้าย ในเวลานั้นทั้งโลกเป็นชุมนุมของปีศาจร้าย พวกเขายังคงฆ่ากันและกันต่อไป พวกเขาได้ลืมไปว่าเคยมีโลกที่สูงส่ง พระเจ้าได้ก่อตั้งโลกของความสูงส่งของพระเจ้า สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ ในปัจจุบันลูกเป็นครอบครัวของพระเจ้า และแล้วลูกจะกลายเป็นครอบครัวของเทพที่นั่น เวลานี้พระเจ้ากำลังทำให้ลูกมีค่าของการกลับมาเป็นเทพของสวรรค์ พ่อกำลังสอนลูก ไม่มีใครรู้ถึงยุคบรรจบพบกันนี้ ไม่มีคัมภีร์ใดที่อ้างถึงยุคบรรจบพบกันที่สูงส่งที่สุดนี้ ยุคบรรจบพบกันที่สูงส่งที่สุดนี้หมายถึงเวลาเมื่อผู้คนกลายเป็นผู้มีชีวิตที่สูงส่ง ยุคทองถูกเรียกว่าเป็นยุคที่สูงส่งที่สุด มนุษย์ไม่ได้สูงส่งในเวลานี้ พวกเขาถูกเรียกว่าตาโมประธานตกต่ำที่สุด ไม่มีใครนอกจากลูกบราห์มินสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ พ่อพูดว่านี่คือโลกของปีศาจร้ายที่เลวทรามต่ำช้า ไม่มีบรรยากาศประเภทนี้ในยุคทอง นั่นเคยเป็นโลกที่สูงส่ง รูปภาพของพวกเขาคงอยู่ แท้จริงแล้วพวกเขาเคยเป็นนายของโลกที่สูงส่ง ราชาของบารัตเหล่านั้นผู้ที่เคยคงอยู่ได้รับการกราบไหว้บูชา พวกเขาเคยบริสุทธิ์และมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา แต่เวลานี้พวกเขากลายเป็นผู้ที่กราบไหว้บูชา ผู้กราบไหว้บูชาอยู่บนหนทางความเลื่อมใสศรัทธา ในขณะที่ผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาอยู่บนหนทางของความรู้นี้ เวลานี้ลูกเข้าใจว่าผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชากลายเป็นผู้กราบไหว้บูชาได้อย่างไรและผู้ที่กราบไหว้บูชากลายเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาได้อย่างไร ไม่สามารถมีผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาแม้เพียงคนเดียวในโลกนี้ เพียงพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและเทพเท่านั้นที่สามารถมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาโดยทุกคน ผู้ที่เป็นของทุกศาสนากราบไหว้บูชาท่าน การเกิดของพ่อเช่นนี้ได้รับการจดจำที่นี่ มีวันเกิดของชีวา แต่ผู้คนไม่รู้ว่าท่านเกิดในบารัต ทุกวันนี้พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งวันหยุดสำหรับวันเกิดของชีวา ไม่ว่าลูกจะเฉลิมฉลองวันเกิดนั้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับลูก แต่วันเกิดนั้นไม่ใช่วันหยุดที่เป็นทางการ ผู้ที่ไม่เชื่อในชีพแจนตีก็จะไปทำงาน มีศาสนามากมาย สิ่งต่างๆเช่นนี้ไม่ได้คงอยู่ในยุคทอง ไม่มีบรรยากาศประเภทนี้ที่นั่น ยุคทองเป็นโลกใหม่ที่มีเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น ที่นั่น พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าอาณาจักรจันทราวงศ์จะตามมา ที่นี่ลูกรู้ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เคยอยู่ในอดีต และลูกจะไปอยู่ในยุคทอง ลูกจะจดจำอดีตอะไรที่นั่น? สำหรับยุคทองอดีตคือยุคเหล็ก อะไรเป็นคุณประโยชน์ของการฟังประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของสิ่งนั้น? ลูกรู้ว่าลูกกำลังนั่งที่นี่กับบาบา บาบาเป็นครูและเป็นสัตกูรูด้วยเช่นกัน พ่อมาเพื่อให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน ท่านจะพาทุกดวงวิญญาณกลับไปกับท่านอย่างแน่นอน มนุษย์พูดว่าหากไม่มีสำนึกที่เป็นร่างทุกสิ่งจะกลายเป็นฝุ่น พวกเขาไม่เข้าใจว่าดวงวิญญาณจะจากไปและร่างกายเก่าที่ทำด้วยดินเหนียวและแล้วจะถูกทำลาย ฉันดวงวิญญาณจากร่างหนึ่งและรับอีกร่างหนึ่ง นี่คือชาติเกิดสุดท้ายของฉันในโลกนี้ ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ไม่มีใครสามารถอยู่อย่างบริสุทธิ์ตลอดไปได้ มีสภาพของสะโตประธาน สะโต ราโจ และตาโมอย่างแน่นอน ผู้คนเหล่านั้นพูดว่าทั้งหมดนั้นคือรูปของพระเจ้า พระเจ้านั้นสร้างรูปมากมายของท่านเพื่อความบันเทิง พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องราวของสิ่งใดและพวกเขาไม่รู้จักผู้เดียวที่ให้ความบันเทิง พ่อนั่งที่นี่และอธิบายประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของโลกแก่ลูก บทบาทของแต่ละคนในละครนั้นแยกกัน ตำแหน่งของแต่ละคนนั้นก็แยกกัน ไม่ว่าใครจะมีตำแหน่งอะไรก็เป็นที่ยกย่อง พ่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในยุคบรรจบพบกัน บทบาทของยุคทองถูกแสดงในยุคทอง สิ่งเหล่านี้จะไม่คงอยู่ที่นั่น ความรู้เกี่ยวกับวงจรโลกหมุนวนไปในสติปัญญาของลูกที่นี่ ชื่อของลูกคือ “ผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง” ลักษมีและนารายณ์ไม่ได้รับกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง กงจักรเป็นของเวลานี้ มีเพียงดวงวิญญาณเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีตัวตน ไม่มีสิ่งใดเลยอยู่ในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน สัตว์,นกฯลฯ และมนุษย์ทั้งหมดล้วนคงอยู่ที่นี่ พวกเขาแสดงนกยูงฯลฯ ในยุคทอง ที่นั่นพวกเขาไม่ดึงขนนกยูงออกและนำมาสวมใส่ พวกเขาไม่ทำความเจ็บปวดใดๆให้กับนกยูงที่นั่น พวกเขาไม่แม้แต่จะหยิบขนนกยูงที่หลุดออกมาแล้วใส่ไว้ในมงกุฎของพวกเขา ไม่เลย ขนนกยูงที่แสดงไว้ในมงกุฎนั้นไม่ถูกต้อง ที่นั่นทุกสิ่งสวยงาม ไม่มีชื่อหรือร่องรอยของสิ่งใดที่สกปรก ไม่มีสิ่งใดที่นั่นที่อยู่ในสายตาที่ลูกจะรู้สึกไม่ชอบ ที่นี่ลูกรู้สึกไม่ชอบใช่ไหม? ที่นั่นแม้แต่สัตว์ก็ไม่มีประสบการณ์ของความเจ็บปวด ยุคทองนั้นเป็นชั้นหนึ่ง ชื่อที่แท้จริงคือสวรรค์โลกใหม่ ที่นี่ในโลกเก่านี้แม้แต่อาคารต่างๆก็ถล่มลงมาท่ามกลางสายฝนและผู้คนก็เสียชีวิต เมื่อเกิดแผ่นดินไหวทุกคนจะถูกฝังอยู่ใต้ดินและเสียชีวิต ในยุคทองจะมีผู้คนจำนวนน้อยมากและแล้วจำนวนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนเริ่มแรกจะมีสุริยวงศ์ เมื่อโลกกลับมาเก่า 25 เปอร์เซ็นต์จะถูกเรียกว่าจันทราวงศ์ ยุคทองคงอยู่เป็นเวลา 1250 ปี เป็นโลกใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เหล่าเทพปกครองที่นั่น ลูกหลายคนลืมสิ่งเหล่านี้ อาณาจักรต้องได้รับการก่อตั้ง ลูกต้องไม่หัวใจวาย สิ่งนี้เป็นเรื่องของการเพียรพยายาม พ่อดลใจลูกทั้งหมดให้เพียรพยายามอย่างเท่าเทียมกัน ลูกกำลังก่อตั้งอาณาจักรของสวรรค์บนโลกสำหรับตัวลูกเอง เฝ้าแต่ตรวจสอบตนเองเพื่อดูว่าลูกจะกลายเป็นอะไร อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ในยุคที่สูงส่งที่สุดนี้ จงศึกษาการศึกษานี้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งสวรรค์และทำตนเองให้มีค่า อย่าได้มีหัวใจล้มเหลว (กลับมาท้อแท้หมดกำลังใจ) กับความพยายามของลูก

2. ผู้แสดงแต่ละคนในละครที่ไม่มีขีดจำกัดนี้มีบทบาทและตำแหน่งเฉพาะของตนเอง แต่ละคนได้รับความเคารพตามตำแหน่งของเขา เข้าใจในความลับทั้งหมดเหล่านี้ ไตร่ตรองประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของโลกและกลับมาควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง

พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณผู้เป็นที่รักที่มีความรักแท้จริง ผู้ที่ทำตามทุกๆคำแนะนำที่สูงส่ง(ศรีมัท)ของพ่อ

ลูกๆ ที่หลอมรวมอยู่ในความรักต่อพ่อผู้เดียวอย่างสม่ำเสมอนี้ พวกเขารักทุกคำพูดที่พ่อพูด และคำถามของพวกเขาก็จบสิ้น รากฐานของการเกิดเป็นบราห์มินคือความรัก ดวงวิญญาณผู้เป็นที่รักที่มีความรักจะไม่สัมผัสกับความยากลำบากใดๆ ในการทำตามศรีมัทของพ่อ เนื่องจากความรักของพวกเขา พวกเขาจึงมีความกระตือรือร้นสำหรับสิ่งที่บาบาพูดอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาคิดว่านั่นเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับพวกเขาและพวกเขาต้องทำ ดวงวิญญาณที่มีความรักมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ และดังนั้นสำหรับพวกเขาทุกสิ่งที่ใหญ่ก็จะกลับมาเล็กด้วยเช่นกัน

คติพจน์:
การมีความรู้สึกอ่อนไหวต่อสิ่งใดเป็นสัญญาณของความล้มเหลว

สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: เวลานี้จุดไฟแห่งความรักและทำให้โยคะของลูกเป็นภูเขาไฟ

เพื่อที่จะมีประสบการณ์สภาพภูเขาไฟ จงรักษาไฟแห่งการจดจำระลึกถึงของลูกให้ลุกโชนอย่างสม่ำเสมอ วิธีง่ายๆ ในการทำสิ่งนี้คือการพิจารณาตนเป็นสารถีและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ลูก ดวงวิญญาณ คือสารถีของพาหนะของลูก การตระหนักนี้จะละวางลูกจากร่างกายของลูกและจิตสำนึกที่เป็นร่างประเภทใดๆ ด้วยการพิจารณาตนเองเป็นสารถีลูกสามารถควบคุมอวัยวะทั้งหมดของลูกได้ แม้แต่พลังที่ละเอียดอ่อนของจิตใจ สติปัญญา และสันสการ์ของลูกก็ยังอยู่ในการควบคุม